Page 28 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 28
ผู้ลี้ภัยกลับไปสู่อันตรายนี้ เป็นหลักการที่ให้ความคุ้มครองผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางเข้าสู่ดินแดนของรัฐอื่น
เนื่องจากความหวาดกลัวต่อการถูกประหัตประหาร รัฐแต่ละรัฐมีหน้าที่ที่จะไม่ผลักดันผู้ลี้ภัยนั้นออกจาก
อาณาเขตรัฐตนกลับไปเผชิญกับภัยการถูกประหัตประหารที่บุคคลนั้นเดินทางออกมา
หลักการนี้ มีที่มาอันยาวนานทั้งในทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยบัญญัติไว้ในตราสารระหว่าง
ประเทศหลายฉบับ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ๑๙๕๑ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญา
่
ต่อต้านการทรมาน การปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือยำายีศักดิ์ศรี ค.ศ. ๑๙๘๔
หลักการนี้ ได้รับการยอมรับจากรัฐต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ถือว่ามีสถานะเป็นกฎหมาย
จารีตประเพณีระหว่างประเทศแล้ว
การปรากฏของหลัก Non - Refoulement ในกฎหมายระหว่างประเทศ
กฎหมายระหว่างประเทศนั้น สามารถจำาแนกได้เป็น ๒ ประเภท คือ กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์
อักษร และกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ หลักการ
ห้ามผลักดันกลับนี้ ปรากฏอยู่ทั้งในกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและในรูปกฎหมายจารีตประเพณี
กล่าวคือ
๑) กฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ลักษณะสำาคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นลายลักษณ์อักษร คือ มีผลผูกพันเฉพาะ
กับรัฐที่เข้าเป็นภาคีในกฎหมายฉบับนั้น ดังนั้น หากกฎหมายฉบับใดมีการบัญญัติหลักการห้ามผลักดัน
กลับไว้ รัฐที่เข้าเป็นภาคีก็มีหน้าที่ต้องเคารพและปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว
กฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสังคม
ระหว่างประเทศและได้บัญญัติหลักการห้ามผลักดันกลับไว้ ได้แก่
อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑
อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ เป็นตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัยที่
ก่อให้เกิดความผูกพันทางกฎหมายเป็นฉบับแรก และเป็นตราสารฉบับแรกที่กล่าวถึงหลักการห้ามผลักดัน
กลับ โดยบัญญัติในมาตรา ๓๓ ว่า
“รัฐภาคีผู้ทำาสัญญาจะไม่ขับไล่หรือส่งกลับ (ผลักดัน) ผู้ลี้ภัยไม่ว่าจะโดยลักษณะ
ใดๆ ไปยังชายเขตแห่งดินแดน ซึ่ง ณ ที่นั้น ชีวิตหรืออิสรภาพของผู้ลี้ภัยอาจได้รับการคุกคาม
ด้วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกภาพของกลุ่มทางสังคมใดๆ หรือเพราะความเห็น
ทางการเมือง”
โดยหลักการห้ามผลักดันกลับนี้ ใช้เฉพาะผู้ลี้ภัย และใช้เฉพาะสถานการณ์ที่คุกคามต่อชีวิต
และเสรีภาพต่อการประหัตประหารเนื่องจากมูลเหตุที่กำาหนดไว้ในมาตรานี้เท่านั้น อีกทั้ง อนุสัญญาฉบับนี้
ห้ามมิให้ผู้ลี้ภัยที่มีเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศที่ได้เข้าไปพำานักอยู่หรือโดย
คำาพิพากษาสูงสุดถูกตัดสินว่ากระทำาความผิดร้ายแรงอันเป็นภัยต่อประชาคมของประเทศ นั้น
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒