Page 23 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 23

ประหาร หรือมีเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดของตน
                                นอกจากนั้น คุณสมบัติข้อนี้จะต้องพิจารณาสถานการณ์ในประเทศที่บุคคลนั้นหนีออกมา

                     ด้วย ซึ่งเป็นการพิจารณาในเชิงวัตถุวิสัยสะท้อนให้เห็นว่า บุคคลนั้นมุ่งแสวงหาที่ปลอดภัยในชีวิตเพราะ

                     สถานการณ์บังคับจริงเหมือนที่กล่าวอ้างหรือไม่
                                ดังนั้น ในการพิจารณาคุณสมบัติในข้อสอง ผู้ขอลี้ภัยจะต้องแสดงให้เห็นทั้ง ๒ ประการ คือ
                     สถานการณ์ประหัตประหารที่ตนหวาดกลัว และความสมเหตุสมผลว่าเพราะเหตุใดตนจึงมีความหวาดกลัว

                     ต่อการประหัตประหารนั้น
                            ค.  การประหัตประหารนั้น ต้องมีสาเหตุมาจาก เชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ สมาชิกภาพในกลุ่ม

                     สังคมเฉพาะ หรือความคิดเห็นทางการเมือง
                                โดยทั่วไปการประหัตประหารนั้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ผู้ที่จะมีสถานะเป็น

                     ผู้ลี้ภัยตามความหมายของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่หนีจาก

                     การประหัตประหารที่มีสาเหตุอย่างน้อยหนึ่งสาเหตุจากทั้ง ๕ สาเหตุที่ระบุไว้ในมาตรา ๑ เท่านั้น
                            บุคคลที่หลบหนีการประหัตประหารด้วยสาเหตุอื่น ไม่อาจเป็นผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาฉบับนี้ได้ เช่น
                     ผู้ที่ออกจากประเทศเพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศ  หรือผู้ที่หลบหนีการ

                     ลงโทษในคดีอาญา
                             ง.  ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะได้รับความคุ้มครองจากประเทศแห่งสัญชาติของตน หรือ

                     ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะกลับไปอยู่อาศัยในประเทศที่ตนมีถิ่นที่อยู่เดิมเนื่องจากความหวาดกลัวที่
                     กล่าวมาข้างต้น

                                การพิจารณาว่าบุคคลมีคุณสมบัตินี้หรือไม่  สามารถพิจารณาได้ตามลำาดับ ดังนี้
                                ประการแรก  บุคคลนั้นจะต้องไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะได้ความคุ้มครองจากประเทศ

                     แห่งสัญชาติของตนหรือประเทศที่เดิมมีที่อาศัยประจำา  การไม่ได้รับความคุ้มครองจากประเทศใดๆ เป็น
                     เหตุผลสำาคัญที่สังคมระหว่างประเทศเข้ามาให้ความคุ้มครองบุคคล เพราะโดยปกติแล้ว รัฐเป็นผู้มีหน้าที่

                     ให้ความคุ้มครองแก่พลเมืองของตน แต่เมื่อใดก็ตามที่รัฐไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะให้ความคุ้มครองแล้ว
                     บุคคลเหล่านั้นย่อมเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน  เพราะเหตุนี้เอง ประชาคมระหว่าง

                     ประเทศจึงต้องให้ความคุ้มครอง เพื่อรับรองว่าสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของบุคคลเหล่านั้นจะไม่ถูกละเมิด
                                ประการที่สอง  เหตุที่บุคคลไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะได้รับความคุ้มครองนั้น  เนื่อง

                     มาจากความหวาดกลัวอันมีมูลจะกล่าวได้ว่าจะถูกประหัตประหาร อันมีสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ
                     สมาชิกภาพในกลุ่มสังคมเฉพาะ หรือความคิดเห็นทางการเมือง (ดังที่ได้กล่าวไว้ในองค์ประกอบข้อสอง)

                                เมื่อบุคคลมีคุณสมบัติครบทั้งสามประการตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว  บุคคลย่อมมีสถานะ
                     เป็นผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยทันที มีสิทธิและหน้าที่ ดังต่อไปนี้


                            ๒)  สิทธิของผู้ลี้ภัย

                                อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ ได้กำาหนดให้รัฐภาคีสมาชิกมีหน้าที่คุ้มครอง
                     สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของผู้ลี้ภัยตามที่บัญญัติไว้ในอนุสัญญาฯ  อย่างไรก็ตาม สิทธิที่กำาหนดไว้ใน


                                                                                                            


                                      ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม  และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง  พ.ศ. ๒๕๒๒
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28