Page 19 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 19
เสียชีวิตทันที ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส ๑ คน และบาดเจ็บเล็กน้อยรวมทั้งสิ้น ๑๐ คน ส่วนแรงงานชาวพม่า
ที่รอดชีวิตถูกส่งฟ้องศาลจังหวัดระนองในฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยมิได้รับอนุญาต ถูกจำาขังแทนค่าปรับ
๒. กรณีสังหารหมู่แรงงานข้ามชาติชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า จำานวน ๙ ศพ ในช่วงเดือน
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ศพถูกนำาไปทิ้งแต่ละจุดเป็นคู่ๆ ห่างกันประมาณ ๑๐-๓๐ กิโลเมตรบริเวณ
ม่อนหินเหล็กไฟ อ.แม่สอด และริมถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง ในพื้นที่ อ.พบพระ
ข้อเท็จจริงจากปากคำาผู้รอดชีวิต พบว่า แรงงานอพยพกลุ่มนี้มาจากหมู่บ้านไจโปง จังหวัดลายบอย
รัฐกะเหรี่ยง มาทำางานที่ จ.สมุทรสาคร ก่อนเกิดเหตุ ได้ขออนุญาตนายจ้างกลับไปเยี่ยมบ้านและเมื่อ
เสร็จธุระจึงหาทางกลับประเทศไทย เพื่อให้นายจ้างนำาไปพิสูจน์สัญชาติและต่ออายุใบอนุญาตทำางาน
ที่จะสิ้นสุดในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ โดยได้รับการติดต่อจากนายหน้าชาวพม่าเรียกค่าใช้จ่ายในการ
เดินทางกลับประเทศไทย คนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วยหญิง ๕ คน ชาย ๘ คน จึงเดินทางไปที่
้
บ้านผะลู เมืองเมียวดี เดินข้ามแม่นำาเมยเข้าประเทศไทยในเขตตำาบลช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก โดยมี
รถกระบะมารอรับและสลับกับเดินป่าเพื่อหลบด่านทหาร ขณะกำาลังเดินทาง ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นและมี
เสียงร้องของผู้หญิง ด้วยความตกใจ จึงวิ่งหลบเข้าไปในป่าและเดินทางในป่าอีก ๓ วัน ไปถึง จ.กำาแพงเพชร
จึงได้แยกย้ายไปทำางานที่ จ.กำาแพงเพชร และ จ.สระบุรี
เหตุการณ์ทั้ง ๒ กรณีนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการอพยพหนีความยากจนจากประเทศพม่าเข้ามา
ยังประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ นั้น ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารพม่า
ที่มีความขัดแย้งและการสู้รบกับกองกำาลังของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (SPDC) ได้ประกาศให้ วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เป็นวันเลือกตั้งทั่วไปเพื่อให้สอดคล้องกับกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคสหภาพ
เอกภาพและการพัฒนา (USDP) ได้รับชัยชนะ หลังการเลือกตั้งเพียง ๑ วัน คือ ระหว่างวันที่ ๘ – ๑๒
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ก็เกิดการสู้รบที่รุนแรงที่สุดในรอบ ๒๐ ปี ระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับกองกำาลัง
ชนกลุ่มน้อยในบริเวณรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก และรัฐมอญซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ
อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
ไทย-พม่า มีชายแดนทางบก และทะเลติดต่อกันยาวรวม ๒,๔๐๑ กิโลเมตร ผลกระทบจากการ
สู้รบทำาให้ประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนฝั่งพม่ากว่า ๒๕,๐๐๐ คน อพยพหนีภัยการสู้รบเข้ามาใน
ประเทศไทย กระจายตัวกันอยู่ในหลายพื้นที่ หน่วยงานด้านความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข
ใน อ.แม่สอด จ.ตาก และ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรม
ได้จัดที่พักพิงชั่วคราว อาหาร และดูแลสุขภาพอนามัยให้แก่ผู้หนีภัยการสู้รบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี
และคนชรา เมื่ออยู่ในที่พักพิงชั่วคราวได้เพียง ๒-๓ วัน หน่วยงานทหารได้ผลักดันให้ผู้หนีภัยการสู้รบ
เดินทางกลับไปยังฝั่งพม่าโดยแจ้งว่าการสู้รบได้ยุติลงแล้ว แต่เมื่อผู้อพยพเดินทางกลับไปถึงหมู่บ้านของตน
ปรากฏว่ายังคงมีการสู้รบอยู่ ทำาให้ต้องเดินทางกลับเข้ามายังฝั่งประเทศไทยอีก บางรายต้องกลับไป
กลับมาถึง ๔ ครั้ง ผู้ที่กลับไปกลับมาหลายครั้งจึงไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวที่หน่วยงานรัฐ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒