Page 20 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 20
ในพื้นที่จัดให้ เพราะเกรงว่าจะถูกกดดันให้กลับอีก จึงกระจายไปหลบซ่อนอยู่ตามหุบเขาในหลายพื้นที่
บางกลุ่มหลบซ่อนอยู่ในเขตป่าเขานานนับเดือน ทำาให้มีปัญหาสุขภาพอนามัย เด็กๆ ไม่ได้รับการศึกษา
๓. กรณีForum of Burma’s Community Based Organization (FCOB) โดยแพทย์หญิง
ซินเธีย หม่อง ได้มีหนังสือเลขคำาร้อง ที่ ๖๕๓/๒๕๕๓ ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเข้าไป
ช่วยเหลือผู้ที่อพยพหนีภัยสู้รบเข้ามาในประเทศไทย โดยเรียกร้องให้มีการประเมินสถานการณ์อย่าง
รอบด้านก่อนส่งตัวกลับ และควรประสานกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัย
โดยเร่งด่วน
ภายใต้เงื่อนไขที่ประเทศไทยเป็นภาคีของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ค.ศ. ๑๙๔๘
ข้อ ๑๔ ทุกคนมีสิทธิที่จะแสวงหาและจะได้ลี้ภัยในประเทศอื่นจากการประหัตประหาร และอนุสัญญา
ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) มาตรา ๗ “ไม่มีผู้ใดจะตกอยู่ภายใต้การทรมาน
่
การปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือยำายีซึ่งศักดิ์ศรี” จึงมีความจำาเป็นที่รัฐบาล
และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีนโยบาย และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ของผู้ลี้ภัยจากพม่าให้เป็นไปตามอนุสัญญาดังกล่าว รวมทั้งควรปฏิบัติตามหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปสู่
อันตราย (non-refoulement) ซึ่งเป็นหลักการในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ และ
พิธีสารเกี่ยวกับสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๖๗ ที่ห้ามรัฐภาคีไม่ส่งตัว หรือผลักดัน หรือขับไล่ผู้แสวงหา
ที่พักพิง หรือผู้ลี้ภัยในลักษณะใดๆ กลับประเทศ หรือดินแดน ซึ่งชีวิตและเสรีภาพของพวกเขาอาจถูกคุกคาม
โดยการผลักดันกลับ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและ
สิทธิทางการเมืองดำาเนินการตรวจสอบตามคำาร้องเรียนนี้ และได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ๒ ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๗ – ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้เดินทางไปเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราวที่
อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้ไปเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก
รวมทั้งจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องที่อำาเภอแม่สอด เพื่อรับฟัง
ความเห็นในการจัดทำาข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และมาตรการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
แก่ผู้ลี้ภัย หลังจากนั้นจึงมีมติให้ทำาการศึกษาวิจัยนโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ชายแดนไทย–พม่า : กรณีอพยพจากภัยสงคราม เพื่อรวบรวมข้อมูล และจัดทำาข้อ
เสนอแนะอย่างเป็นระบบเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
เอกสารฉบับนี้ได้ปรับปรุงเพื่อพิมพ์เผยแพร่ จากงานวิจัยเรื่อง “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ชายแดนไทย–พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม” ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กำาหนด
เป็นหัวข้อการวิจัยนั้น ในระหว่างการศึกษาวิจัย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ
สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม ได้ทักท้วงว่า ทางการไทยไม่ใช้คำาว่า “ผู้อพยพจากภัย
สงคราม” แต่ให้ใช้คำาว่า “ผู้หนีภัยจากการสู้รบ” อย่างไรก็ตาม ในงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ได้ใช้คำาว่า “ผู้ลี้ภัย”
แทนคำาว่า “ผู้หนีภัยจากการสู้รบ” ตามที่ทางหน่วยงานราชการใช้กัน เนื่องจากคำาว่า “ผู้ลี้ภัย” เป็นคำาศัพท์
ที่ใช้ในประชาคมระหว่างประเทศและมีความหมายที่กว้างกว่าคำาว่า “ผู้หนีภัยจากการสู้รบ”
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒