Page 22 - ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงครามและข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
P. 22
มาตรา ๑ แต่เนื่องจากคำาจำากัดความดังกล่าวมีกรอบทางด้านเวลาและภูมิศาสตร์ ทำาให้ไม่สามารถปรับใช้
กับผู้ลี้ภัยที่ในสถานการณ์ใหม่ได้ จึงมีการจัดทำาพิธีสารเกี่ยวกับสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๖๗ ขึ้น เพื่อกำาจัด
กรอบทางด้านเวลาและภูมิศาสตร์ โดยคำานิยามของผู้ลี้ภัยในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑
ประกอบกับมาตรา ๑ พิธีสารเกี่ยวกับสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๖๗ คือ
“ผู้ลี้ภัย หมายถึง บุคคลที่อยู่นอกประเทศแห่งสัญชาติของตน เนื่องด้วยความ
หวาดกลัวที่มีมูลเหตุอันจะกล่าวอ้างได้ว่าจะถูกประหัตประหารด้วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา
สัญชาติ สมาชิกภาพในกลุ่มสังคมเฉพาะ หรือความคิดเห็นทางการเมือง และไม่สามารถหรือด้วย
ความหวาดกลัวนั้น ไม่เต็มใจที่จะได้รับความคุ้มครองจากประเทศนั้น ในกรณีของบุคคลไร้สัญชาติ
และอยู่นอกประเทศที่ตนมีถิ่นที่อยู่ ด้วยความหวาดกลัวที่กล่าวมาจึงไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะ
กลับไปอยู่อาศัยในประเทศนั้น”
เมื่อพิจารณาคำาจำากัดความดังกล่าวเห็นได้ว่า บุคคลที่จะได้รับสถานะว่าเป็นผู้ลี้ภัย ต้องมีคุณสมบัติ
๔ ประการ ดังต่อไปนี้
ก. เป็นผู้ที่อยู่นอกประเทศแห่งสัญชาติของตน หรือประเทศที่ตนมีถิ่นที่อยู่
คุณสมบัติประการแรกเป็นองค์ประกอบทางกายภาพ คือ ลักษณะของการอยู่นอกประเทศนี้
จะต้องมีการข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไปสู่อีกประเทศหนึ่ง โดยคำาจำากัดความนี้ ได้จำาแนกผู้ที่อยู่นอก
ประเทศเป็น ๒ กลุ่ม คือ ผู้อยู่นอกประเทศแห่งสัญชาติตน หรือผู้อยู่นอกประเทศที่ตนมีถิ่นที่อยู่ กล่าวคือ
นอกประเทศแห่งสัญชาติตน : เกณฑ์การพิจารณานี้ใช้กรณีที่บุคคลนั้นเป็นบุคคลที่มีสัญชาติ
จะต้องปรากฏว่า บุคคลผู้นั้นได้ออกจากเขตแดนของรัฐเจ้าของสัญชาติตนแล้วเท่านั้น จึงจะได้รับการ
พิจารณาสถานภาพผู้ลี้ภัยตามความหมายของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ ได้
นอกประเทศตามที่ตนมีถิ่นที่อยู่ : เกณฑ์การพิจารณานี้ใช้สำาหรับคนไร้รัฐ (Stateless
Person) ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีรัฐใดเป็นเจ้าของสัญชาติของตัวบุคคลผู้นั้นเลย ในการพิจารณาองค์ประกอบ
ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ลี้ภัยตามความหมายของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑ หรือไม่ จึงไม่ใช้
หลักเกณฑ์เรื่องประเทศแห่งสัญชาติ แต่ใช้การพิจารณาว่าบุคคลผู้นั้นได้อยู่นอกประเทศที่ตนมีถิ่นที่อยู่
หรือไม่
หากปรากฏว่าบุคคลผู้นั้นเป็นผู้อยู่นอกประเทศแห่งสัญชาติตน หรือประเทศที่ตนมีที่อาศัย
อยู่ประจำาแล้ว ก็ต้องพิจารณาคุณสมบัติข้อต่อไปที่ต้องพิจารณา คือ
ข. ต้องออกจากประเทศนั้นเนื่องจากความหวาดกลัวที่มีมูลอันจะกล่าวอ้างได้ว่าจะถูก
ประหัตประหาร
การพิจารณาในลำาดับนี้มีลักษณะเป็นเชิงอัตวิสัย เพราะความกลัวเป็นภาวะทางจิตใจ ขึ้นอยู่
กับภูมิหลังและประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม ความกลัวที่บุคคลกล่าวอ้างนั้นจะต้องความหวาดกลัวที่มีมูลเหตุสมเหตุสมผล
(well-founded) โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงต่างๆ ที่แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ที่บุคคลนั้นจะหวาดกลัว
การว่าจะถูกประหัตประหาร เช่น เหตุการณ์ในอดีตที่บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ถูกประหัต
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการคุ้มครองสิทธิของผู้อพยพหนีภัยสงคราม และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒