Page 78 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 78

ั
                  ชนมีความสัมพันธ์ต่อกันลักษณะที่เท่าเทียมกัน ทุกคนมีเสรีภาพอย่างแท้จริงในการตัดสินปญหา
                  ของส่วนรวมร่วมกันและในการพัฒนาตนเอง ลัทธิมาร์กซ์ (Marxism)  นี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อ

                  แนวความคิดเรื่องสิทธิมนุษย์ชนในกลุ่มประเทศสังคมนิยมในเวลาต่อมาสิทธิมนุษยชนในเอกสาร

                  ทางประวัติศาสตร์
                         สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม

                  และการเมือง ระบบทุนนิยมและระบบอุตสาหกรรมได้ถือก าเนิดขึ้น และก่อให้เกิดชนชั้นกลางซึ่ง

                  เป็นนักอุตสาหกรรมแนวความคิดเรื่องสิทธิธรรมชาติและกฎหมายธรรมชาติได้รับการถ่ายทอด

                  จากบรรดาปรัชญาเมธีไปสู่นักการเมืองและประชาชนทั่วไป พวกเขาเรียกร้องสิทธิทางการเมือง

                  จากผู้ปกครอง การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นในรูปแบบทั้งโดยวิธีการใช้ความรุนแรงและโดยสันติ

                  วิธี เหตุการณ์ที่ส าคัญ ได้แก่ การปฏิบัติอันรุ่งโรจน์ของอังกฤษ การประกาศอิสระภาพของ

                  สหรัฐอเมริกา และการปฏิวัติของฝรั่งเศส จากการเรียกร้องดังกล่าวท าให้สิทธิและเสรีภาพของ

                  ประชาชนได้รับการรับรองโดยกฎหมายที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของพลเมือง

                  ( The Declaration of Rights ) ค.ศ. 1689
                         ในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ซึ่งครองราชย์ในช่วงปีคริสต์ศักราชที่ 1685-1688 นับเป็น

                  ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยข้อขัดแย้งทางการเมืองและการปกครอง ข้อขัดแย้งในประเด็นที่ส าคัญและมี

                  ผลต่อการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของอังกฤษ ได้แก่ กษัตริย์กับอ านาจตุลาการ นโยบายทางศาสนาและ

                  บทบาทของรัฐสภา ดังนี้

                         1. ความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์กับอ านาจตุลาการ กษัตริย์ทรงเป็นแกนของอ านาจบริหาร

                  และการยุติธรรม มีอ านาจตั้งแต่ถอดถอนผู้พิพากษาได้ตามพระราชอัธยาศัย มีอิทธิพลเหนือผู้

                  พิพากษาในการตัดสินคดีความต่างๆ นอกจากนี้ โครงสร้างของศาลที่มีทั้งศาลธรรมดาและศาล
                  พิเศษ ได้แก่ ศาลร้องทุกข์สามัญ ( Court  of  Common  Pleas ) ศาลพระคลัง ( Exchequer  of

                  Pleas ) ศาลหลวง (Court of King Bench ) ศาลนาวี ( Court of Admiralty ) ตลอดจนศาลทาง

                  ศาสนาซึ่งแบ่งแยกออกไปตามภูมิภาคต่างๆ ท าให้อ านาจตุลาการขาดความเป็นเอกภาพ

                  ประชาชนมักไม่ได้รับความเป็นธรรมในกรณีที่ต้องเป็นคดีความกับรัฐ แนวคิดเรื่องความเป็นอิสระ

                  ของกระบวนการยุติธรรมได้รับการสนับสนุนและขยายวงกว้างออกไป

                         2. กษัตริย์กับนโยบายทางศาสนา ภายหลังจากการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16

                  ท าให้กษัตริย์มีฐานะเป็นประมุขของศาสนจักร ( Church of England ) ประเทศอังกฤษในขณะนั้น

                  มีผู้ที่เลื่อมใสในคริสต์ศาสนานิกายต่างๆ ได้แก่ นิกายแองกลิคัน ( Anglican  ) นิกายโปรเเตส

                  แตนต์ ( Protestant  ) นิกายโรมันคาทอลิก ( Roman  Catholic  ) นิกายเพรสบีเทเรียน
                  ( Presbyterian  ) โดยมีนิกายแองกลิคัน  ( Anglican  ) เป็นศาสนาประจ าชาติ กษัตริย์มีอ านาจ



                                                          - 34 -
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83