Page 719 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 719
้
2. การสร้างคู่มือมาตรฐานการท างาน เพื่อปองกันข้อผิดพลาดในการสื่อสาร หรือให้
ข้อมูลที่จ าเป็นกับผู้ร้องเรียน รวมถึงเพื่อตรวจเช็ค ตรวจสอบความครบถ้วนของ
ั
ข้อมูลในการร้องเรียน เพื่อเป็นการลดทอนปญหาด้านการใช้เวลาในขั้นตอนนี้ อัน
เนื่องจากความไม่เข้าใจ เอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
3. ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับ ระบบฐานข้อมูล (โปรแกรม) ให้มีความสอดคล้องกัน
3) การรวบรวม บันทึกข้อมูล (ระบบฐานข้อมูลการร้องเรียน)
1. ควรออกระเบียบ ปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนต่างๆ ทุกคนท าการบันทึก
ข้อมูลเรื่องร้องเรียนตามขั้นตอนที่รับผิดชอบ
2. จัดให้มีการอบรม รวมถึงจัดท าคู่มือการใช้ระบบบันทึกข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ที่
เกี่ยวข้อง
ด้านกระบวนการตรวจสอบ
1) ล่าช้า มากขั้นตอน
กระบวนการตรวจสอบเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ซึ่งประเด็นดังกล่าวค่อนข้างมีความ
ั
ซับซ้อน ตลอดจนมีแนวคิดเพื่อแก้ไขปญหาในหลายลักษณะ ทั้งด้านการปรับเปลี่ยนรูปแบบการ
ใช้อ านาจไปสู่การกระจายอ านาจกับส านักงานให้มากขึ้น การปรับเปลี่ยนกระบวนการตรวจสอบ
การปรับเปลี่ยนกระบวนการคัดกรองเพื่อจ าแนกประเภทความซับซ้อน เร่งด่วน หรือแม้กระทั้ง
การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเขียนรายงานผลการตรวจสอบ
ั
กล่าวได้ว่าแนวคิดการแก้ไขปญหาจากผลการศึกษาวิจัย ที่ค่อนข้างหลากหลายนั้น
คณะผู้วิจัยมีทรรศนะเพิ่มเติมว่า กสม. จ าเป็นต้องให้ความส าคัญกับการพัฒนาคุณภาพ
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลายประเด็นได้กล่าวถึงแล้ว ดังรายละเอียด
1. โครงสร้างทีมงานตรวจสอบ การก าหนดโครงสร้างทีมงานตรวจสอบที่เหมาะสม มี
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญควบคุม จะมีส่วนช่วยลดทอนเวลาที่ใช้ในกระบวนการตรวจสอบ
ด้วยเหตุผล ประการส าคัญ คือท าให้งานก่อนส่งเข้ากระบวนการพิจารณาของ
ั
คณะอนุกรรมการ อยู่ในระดับที่มีความครบถ้วน สมบูรณ์ ท าให้ลดปญหาการกลับมา
แก้ไข ปรับเปลี่ยน (ท างานครั้งเดียวเสร็จ) ไม่ต้องเข้าคณะอนุกรรมการหลายครั้ง
2. การพัฒนาคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงาน จะมีส่วนช่วยให้งานตรวจสอบมีคุณภาพ
และรวดเร็วขึ้น อีกทั้งเป็นการลดภาระการตรวจสอบโดยคณะอนุกรรมการ เนื่องจาก
มีกรอบของมาตรฐานก าหนดไว้ ส่งผลท าให้สามารถพิจารณางานแต่ละขั้นตอนได้
- 600 -

