Page 717 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 717
3. พัฒนาระบบองค์ความรู้ด้านการตรวจสอบ จากข้อมูลการตรวจสอบที่เคยท าโดยมี
ั
การบันทึกข้อมูลส าคัญๆ เช่นปญหาที่พบบ่อย แนวทางการแก้ไข ฯลฯ รวมถึงการ
จัดท าเป็นมาตรฐานในการตรวจสอบเพื่อใช้ในการอ้างอิงผล (คล้ายกระบวนการศาล
ที่หยิบยก กรณีค าพิพากษาที่เคยตัดสินมาก่อน) ซึ่งจะมีประโยชน์ในการลดทอน
กระบวนการตรวจสอบ และอาจช่วยให้กระบวนการในการไกล่เกลี่ยมีประสิทธิภาพ
มากขึ้น (เนื่องจากพอจะมองเห็นทิศทางของผลการตรวจสอบในอนาคต)
4. โครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับองค์กรภายนอก หรือองค์กรสิทธิมนุษยชน
ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ในท างานด้านการตรวจสอบ ซึ่งอาจท าในรูปแบบ การ
อบรมสัมมนา หรือเครือข่ายความร่วมมือในการเพิ่มเติมความรู้ และการพัฒนา ด้าน
สิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติ ที่เน้นจากการศึกษาข้อมูล เอกสารด้านการตรวจสอบ
3) ระบบตรวจสอบ ประเมินคุณภาพการท างาน
ั
แนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปญหาด้านระบบการตรวจสอบและประเมินคุณภาพการท างาน
เป็นข้อจ ากัดส าคัญที่ส่งผลต่อ ความกระตือรือร้น ปริมาณ และคุณภาพการท างาน ซึ่งคณะผู้วิจัย
มีความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบการตรวจสอบ และประเมินคุณภาพการท างาน จ าแนกเป็น 2 ส่วน
ดังรายละเอียด
1. ระบบการตรวจสอบ ซึ่งในที่นี้มีความหมาย เริ่มตั้งแต่การก าหนดระเบียบปฏิบัติที่
เหมาะสม เช่นระเบียบเกี่ยวกับการเข้า ออกงาน และการลงพื้นที่ รวมถึงการ
ตรวจสอบ ควบคุมให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติ
2. ระบบการประเมินคุณภาพในการท างานภายใต้ขอบเขตงานที่รับผิดชอบ ซึ่งส่วนนี้
ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาตัวชี้วัดในการประเมินที่เหมาะสมตามขอบเขตงาน และ
วิธีการประเมินหรือให้คะแนน ตัวอย่างหนึ่งที่เป็นมาตรฐานที่น่าสนใจคือ การประเมิน
แบบรอบด้าน (360 องศา) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคล ได้รับการประเมินจาก
ผู้เกี่ยวข้องรอบด้านทั้งระดับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา อันเป็น
การลดทอนอคติที่เกิดจากการประเมินด้วยวิจารณญาณด้วยบุคคลเพียง 1 หรือ 2 คน
3. ระบบการประเมินคุณภาพบุคลากรยังเป็นตัวชี้วัดส าคัญในการ จ าแนกระดับความ
เชี่ยวชาญ อันจะน าไปสู่การมอบหมายงาน รวมถึงกระบวนการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาที่
มีความชัดเจน เป็นระบบมากยิ่งขึ้น
- 598 -

