Page 714 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 714
2. โครงสร้างทีมต้องก าหนดให้สอดคล้องกับประเภทการละเมิดที่มีการร้องเรียน ซึ่ง
ในทางปฏิบัติอาจต้องการบุคลากรที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน หรือจ านวนแตกต่างกัน
ซึ่งข้อมูลการตรวจสอบในอดีต (ฐานข้อมูล) มีความส าคัญอย่างยิ่งในการพิจารณา
3. ทีมงานตรวจสอบควรท าหน้าที่หลักคือ ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเต็ม
รูปแบบ ซึ่งแนวคิดนี้จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ ความเชี่ยวชาญ
ในงานตรวจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. ความชัดเจนในการก าหนดขอบเขตงาน ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดท าคู่มือ
มาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure : SOP) ทั้งนี้นอกจากจะ
เป็นการสร้างความชัดเจนและความเป็นมาตรฐานเดียวกันในระบบงานตรวจสอบแล้ว
ยังเป็นเสมือนระบบการประกันคุณภาพการตรวจสอบไปในตัวอีกด้วย (คู่มือ
มาตรฐานการปฏิบัติงานควรมีในทุกขั้นตอนการท างาน ตั้งแต่การรับเรื่องไปจนถึง
การตรวจและเขียนรายงานว่าต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติอย่างไร รูปแบบ
องค์ประกอบของรายงานผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร)
3) การบริหารจัดการ มอบหมายงานและการแบ่งงาน
ั
แนวคิดส าคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และการมอบหมายงานมุ่งแก้ไขปญหาด้านความ
ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนี้
1. ควรมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่เป็นเจ้าหน้าที่ของส านักงานโดยตรง เช่นผู้อ านวยการ
กลุ่ม เพื่อบริหารจัดการด้านการตรวจสอบ โดยมีคณะอนุกรรมการเป็นผู้ให้ค าปรึกษา
และประการที่สองเกี่ยวข้องกับการจัดท าคู่มือหรือมาตรฐานด้านการบริหารจัดการ
เพื่อสร้างความชัดเจนและความเป็นมาตรฐานเดียวกัน
2. ควรมีการจัดท าคู่มือหรือมาตรฐานด้านการบริหารจัดการ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ
ให้กับระดับบริหารซึ่งเป็นต้นทางในการก าหนดมาตรฐานของงานตรวจสอบให้เป็นไป
ในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับระดับบริหาร
เช่น อนุกรรมการว่ามีขอบเขตหน้าที่แค่ไหน เพียงใดอีกด้วย
4) การท างานล่าช้า มีขั้นตอนมากเกินไป
เนื่องจากโครงสร้างการบริหารจัดการ เป็นรูปแบบคณะกรรมการ ท าให้การบริหารจัดการ
หลายด้านใช้เวลาค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องด าเนินการตามชั้นของการบริหาร ซึ่งประเด็น
ดังกล่าวคณะวิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้
- 595 -

