Page 720 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 720
จ านวนมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกันยังเป็นการก าหนดกรอบการปฏิบัติให้
คณะอนุกรรมการ มีขอบเขตและทิศทางที่เหมาะสม เป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่งผลดี
ต่อการท างานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย
3. การพัฒนาระบบองค์ความรู้ และการจัดเก็บเอกสารจะมีส่วนช่วยให้การท างานที่มี
ลักษณะเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. ระบบการคัดกรอง โอนย้ายและพัฒนาบุคลากรที่เหมาะสม เป็นอีกเงื่อนไขที่มี
อิทธิพลต่อคุณภาพในการท างานของทีมงาน
ั
5. ระบบการตรวจสอบ และประเมินคุณภาพการท างานที่ดี เป็นอีกปจจัยที่มีส่วน
ส่งเสริม และกระตุ้นการท างานให้มีคุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐานที่ก าหนด และยัง
เป็นตัวชี้วัดส าคัญในการจัดระดับความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่
ั
6. กลไกควบคุมเรื่องเวลา เป็นอีกปจจัยที่จะมีส่วนช่วยในการควบคุมให้กระบวนการ
ตรวจสอบมีแผนการท างานด้านเวลาที่ชัดเจนขึ้น และสามารถประเมินเวลาที่ใช้ได้
แม่นย าขึ้น
นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังมีความเห็นว่า เมื่อมีการพัฒนาคุณภาพองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง
ในระดับที่ดีแล้ว อาจน าไปสู่การปรับเปลี่ยนลดทอนขั้นตอน ในการตรวจสอบให้มีความกระชับ
เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบใช้เวลาน้อยลงอีกด้วย
1. การกระจายอ านาจไปสู่ระดับส านักงานจะช่วยให้ลดขั้นตอนการท างานลง เช่น
กระบวนการตรวจสอบกลั่นกรอง
2. ในส่วนของกระบวนการตรวจสอบ อาจมีการพิจารณาโดยจ าแนกประเภทเบื้องต้น
ตามเงื่อนไขส าคัญ เช่นความซับซ้อน ความเร่งด่วน หรือระดับผลกระทบต่อสังคม
โดยอาจจ าแนกเป็นประเภท เช่น 1) กรณีการละเมิดที่ไม่ซับซ้อน เคยตรวจสอบมา
ก่อน 2) กรณีการละเมิดที่มีความซับซ้อน และ 3) กรณีเร่งด่วน ซึ่งทั้ง 3 ประเภทอาจ
ก าหนดกระบวนการพิจารณาที่แตกต่างกัน
2) ศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ
ส าหรับแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ในงานด้านการตรวจสอบ เชื่อมโยง
กับโครงสร้างในการท างาน บริหารจัดการ หลายประเด็น ดังความคิดเห็นที่ได้กล่าวถึงแล้ว
เบื้องต้น สรุปสาระส าคัญได้ดังนี้
- 601 -
