Page 713 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 713
การท างานแบบไม่มีข้อผูกมัด ไม่สามารถคาดหวังได้ถึงคุณภาพ มาตรฐานตามที่
กสม. ต้องการ และสามารถช่วยได้เพียงบางส่วน
ั
จากความคิดเห็นดังกล่าวผู้วิจัยมีแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปญหาดังนี้
3. ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการท างานที่มี โดยเริ่มต้นจากการจัดระบบเครือข่ายเป็น
กลุ่ม เพื่อประเมินระดับศักยภาพ รูปแบบในการท างาน รวมถึงความสามารถของ
กสม. ในการสนับสนุนการท างานของเครือข่ายต่างๆ เช่นบุคลากร ความรู้
งบประมาณ ฯลฯ เพื่อน ามาสู่การก าหนดรูปแบบกิจกรรมความร่วมมือให้มีความ
ชัดเจน เป็นมาตรฐานเดียวกันในแต่ละกลุ่ม และมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้นกว่าที่
เป็นอยู่
4. อาจเริ่มจากการพัฒนาระบบการตรวจสอบ ในแบบที่มีการกระจายอ านาจตัดสินใจ
เชิงกระบวนการภายในองค์กรก่อน หลังจากมีการปรับเปลี่ยนจนชัดเจน ลดทอน
ข้อจ ากัดต่างๆ ที่มี และงานตรวจสอบมีคุณภาพที่เหมาะสม จึงค่อยวางแผนเพื่อ
ขยายโครงสร้างส านักงานไปสู่พื้นที่หลักอื่นๆ ต่อไป ซึ่งอาจเริ่มต้นในรูปแบบของ
ส านักงานสาขาน าร่อง
2) ความชัดเจนในขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ
ความชัดเจนในขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นข้อจ ากัดส าคัญที่ส่งผลต่อความล่าช้า
ั
และคุณภาพการตรวจสอบ ซึ่งผลจากการศึกษาวิจัยพบแนวคิดในการแก้ไขปญหาที่ส าคัญ 2
ประการ ประการแรกการปรับโครงสร้างบุคลากรให้เหมาะสมกับงานโดยค านึงถึงเงื่อนไขส าคัญทั้ง
ในด้านศักยภาพของตัวบุคคล และปริมาณงาน และประการที่สองคือการก าหนดขอบเขตงานให้มี
ความชัดเจน ซึ่งในทางปฏิบัติจ าเป็นต้องพิจารณาร่วมกับเงื่อนไขอื่นๆ อาทิปริมาณงาน ประเภท
ั
เรื่องที่ร้องเรียน ฯลฯ โดยสามารถสรุปสาระส าคัญถึงแนวคิดในการแก้ไข รวมถึงปจจัยแวดล้อมที่
เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของคณะผู้วิจัย ได้ดังนี้
1. ควรพัฒนาระบบฐานข้อมูลการร้องเรียนชัดเจน เพื่อเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์
ก าหนดโครงสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านจ านวนและคุณสมบัติ เพื่อสามารถ
ั
รองรับการท างานได้ทั้งปจจุบันและอนาคต เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการร้องเรียนจะ
ท าให้ทราบว่ามีการละเมิดประเภทใดมากน้อยกว่ากัน การใช้เวลากับการตรวจสอบ
ั
ประเภทใดมีความซับซ้อน หรือปญหาอย่างไร
- 594 -

