Page 691 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 691
ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องอ านาจที่จะชี้ชัดว่า กรณีไหนที่ควรหยิบยก
บางครั้งยังมีการทะเลาะเพื่อแย่งผลงานกัน เพราะเห็นเป็นเรื่องที่สามาถสร้าง
ชื่อให้กับตัวเองได้ อาจจะท าให้เสียเวลาในการช่วยเหลือประชาชนออกไปอีก
กรณีหยิบยกเอง มักจะใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะส่วนใหญ่จะใช้เพื่อสร้าง
ผลงานให้ตัวเอง หรือใช้เพื่อสร้างปริมาณงานให้เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ช่วย
ั
แก้ปญหาอะไรให้กับประชาชนได้
ั
เป็นปญหาโครงสร้างที่ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณากลั่นกรอง แต่
ไม่ได้ยึดหลักกติการะหว่างประเทศที่ชัดเจน
บางท่านสนใจเรื่องนั้นๆ ก็ขอรับท า ทั้งที่ไม่ตรงกับอนุฯ ชุดของตน
แนวคิดการแก้ไขปัญหา
ั
ผลการศึกษาวิจัย มีการน าเสนอถึงแนวทางปฏิบัติ เพื่อแก้ไข ลดทอนปญหา
ดังกล่าวหลายประการ ดังรายละเอียด
1. กรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ กสม.เป็นผู้หยิบยก ควรมีการตัดทอน
ขั้นตอนบางขั้นเช่น ขั้นตอนที่ต้องขอมติจากคณะกรรมการทั้ง 7 ท่านเพื่อ
หยิบยกเรื่อง โดยให้อ านาจกับคณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิ
มนุษยชนชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถหยิบยกเรื่องนั้นๆ ขึ้นมาตรวจสอบได้
เลย
2. กรณีที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียน ที่โดยปกติแล้วในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิ
มนุษยชนนั้นจะต้องท าในรูปแบบของคณะอนุกรรมการฯ นั้น ควรมีการมอบ
อ านาจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด าเนินการตรวจสอบเบื้องต้นและท า
บันทึกสรุปเพื่อน าเสนอให้กับที่ประชุมคณะอนุกรรมการได้พิจารณา
3. กสม.จะต้องน าวิธีพิเศษ หรือ Fast Track มาใช้ในกระบวนการตรวจสอบ ให้
เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนโดยในการด าเนินงาน อาจจะต้องมีระบบคัด
กรองเรื่องเร่งด่วนกับไม่เร่งด่วน และจะต้องก าหนดกรอบให้ชัดเจนว่า ระดับ
ใดจึงเรียกว่า “เร่งด่วน หรือ ฉุกเฉิน” ระดับใดให้ไปตามกระบวนการปกติ ซึ่ง
ั
ในปจจุบัน ก็มีการใช้ช่องทางนี้อยู่บ้าง แต่ยังไม่มีการก าหนดเกณฑ์ และ
กรอบของเรื่องเร่งด่วนให้ชัดเจน เรื่องเร่งด่วนส่วนใหญ่ จึงถูกมองว่าเป็น
“ค าร้องที่มีเส้น”
- 572 -

