Page 490 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 490
(8.2) ปัญหาอุปสรรค
ั
-มีปญหาเกี่ยวกับการระบุรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์แห่ง
ั
การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่จะน าไปสู่บทสรุปในการแก้ไขปญหา โดยการระบุรายละเอียด
ข้อเท็จจริงตามรายงานผลการตรวจสอบบางฉบับมีการระบุรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อ
กฎหมายโดยละเอียด ซึ่งในบางกรณีเป็นการระบุข้อมูลโดยที่มิได้มีการเรียบเรียงให้เห็นถึงความ
เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์แห่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยตรง
ั
-มีปญหาเกี่ยวกับการให้เหตุผลในการเสนอความเห็น จากการศึกษาการ
ให้เหตุผลในการเสนอความเห็นในรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรายงาน
ผลการพิจารณาค าร้องเรียนว่า กรณีใดจะถือว่ามีการกระท าหรือละเลยการกระท าอันเป็นการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่ และการกระท านั้นขัดหรือไม่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนที่นิยามไว้
ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 อย่างไร ท าให้เห็นว่า ยังมี
ั
ปญหาส าคัญบางประการในการให้เหตุผลประกอบการเสนอความเห็น
-การสรุปบางกรณีไม่ได้มีการปรับหลักสิทธิมนุษยชนให้เข้ากับ
ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบ โดยรัฐธรรมนูญ กฎหมายไทย และกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องตามที่
อ้างถึงในรายงาน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะเป็นองค์กรที่มีอ านาจกึ่งตุลา
การควรจะมีการปรับหลักการเช่นนั้น แต่จากการศึกษาพบว่า ในรายงานผลการตรวจสอบบาง
ฉบับไม่มีการปรับหลักสิทธิมนุษยชนกับข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงท าให้ข้อสรุปเกี่ยวกับการกระท า
และการละเลยการกระท าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ชัดเจนเท่าที่ควร และไม่ได้แสดงให้
เห็นเกณฑ์ในการวินิจฉัยเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในด้านสิทธิมนุษยชนต่อไป
-มีการสรุปให้เหตุผลที่แตกต่างกันในเรื่องท านองเดียวกัน โดยการให้
ั
เหตุผลที่มีความเห็นว่า กรณีใดเป็นปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรายงานบางฉบับมีความ
ั
ั
แตกต่างกัน ซึ่งท าให้ไม่มีความชัดเจนว่า เรื่องใดเป็นปญหาหรือมิใช่ปญหาเกี่ยวกับการละเมิด
สิทธิมนุษยชนที่อยู่ในขอบเขตอ านาจการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
-ข้อสรุปบางอย่างมีข้อจ ากัดในการพัฒนาการให้เหตุผลนอกเหนือจาก
การอาศัยเกณฑ์ถ้อยค าตามตัวบทกฎหมายเป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัย ดังเช่น
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 200 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในการ
ปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ต้องค านึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ
และประชาชนประกอบด้วย” และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติว่า “ กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเป็นอิสระและเป็น
กลาง รวมทั้งต้องค า นึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชนประกอบด้วย” ซึ่งย่อมมี
- 384 -

