Page 493 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 493
ตรวจสอบและรายงานการกระท าหรือการ ละเลยการกระท าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือ
อันไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี และ
ั
เสนอมาตรการในการแก้ไขปญหาต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระท าหรือละเลยการกระท าดังกล่าว
ตามหลักสิทธิมนุษยชนตามสนธิสัญญาหรือกติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่
จะต้องปฏิบัติตาม แต่หากหลักสิทธิมนุษยชนในเรื่องนั้นยังไม่มีการน ามาบัญญัติเป็นกฎหมาย
ั
ภายใน ย่อมมีปญหาว่าหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องจะน าข้อก าหนดในสนธิสัญญา
ั
หรือกติการะหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนตามมาตรการในการแก้ไขปญหาของคณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปปฏิบัติโดยตรงได้หรือไม่ เพียงใด
-ในเรื่องนี้ เมื่อพิจารณาหลักการควบคุมและตรวจสอบการใช้อ านาจรัฐ
ภายใต้หลักนิติรัฐ ได้แก่ หลักการกระท าทางปกครองต้องชอบด้วยกฎหมาย หรือหลักความชอบ
่
ด้วยกฎหมายของการกระท าทางปกครอง ฝายปกครองจะกระท าการใดๆ ที่อาจมีผล
กระทบกระเทือนต่อสิทธิ หรือเสรีภาพของประชาชนได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อ านาจ และเฉพาะ
แต่ภายในขอบเขตที่กฎหมายก าหนดไว้เท่านั้น แต่เมื่อพิจารณา มาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่บัญญัติให้บุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับแจ้ง
รายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเสนอมาตรการการแก้ไข
ต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระท าหรือละเลยการกระท า อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรืออันไม่
เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคีตามมาตรา 15
ประกอบมาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ย่อมมีผลผูกพันต่อบุคคลหรือหน่วยงาน ตามมาตรา 29 มาตรา 30 และ
มาตรา 31 เพียงเท่าที่มีกฎหมายให้อ านาจแก่หน่วยงานของรัฐเท่านั้นซึ่งในกรณีที่สิทธิมนุษยชน
ตามสนธิสัญญาหรือกติการะหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนยังไม่มีการน ามาบัญญัติเป็น
กฎหมายภายใน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็สามารถเสนอแนะให้มีการตรากฎหมาย
ในเรื่องนั้นต่อไป ดังนั้น จึงควรสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งบุคคล
และหน่วยงานภาคเอกชน ให้ทราบถึงลักษณะความผูกพันของสนธิสัญญาหรือกติการะหว่าง
ประเทศในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนดังกล่าว เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการผลักดันให้มีการออก
กฎหมายในเรื่องนั้นๆ ต่อไป
-มีข้อจ ากัดในการสรุปบางเรื่องที่มีส่วนอยู่ในกรณีของสนธิสัญญาหรือ
กติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยมิได้เป็นภาคี เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของแรงงานต่างด้าว
ั
ั
ค.ศ. 1990 ซึ่งมีปญหาว่าจะน ามาเป็นแนวทางในการเสนอมาตรการในการแก้ไขปญหาการละเมิด
สิทธิมนุษยชนได้หรือไม่ เนื่องจากมิได้อยู่ในความหมายของสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายไทย แต่
- 387 -

