Page 487 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 487
แพร่กระจายของมะละกอดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) ในสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งเห็นว่า เป็นการ
ั
ั
แก้ไขปญหาที่มีความเหมาะสมในระดับหนึ่ง แต่ก็มีปญหาในทางปฏิบัติว่า จะต้องแต่งตั้ง
คณะอนุกรรมการหลายคณะ ท าให้สิ้นเปลืองล่าช้ากว่าการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความเห็นในแต่
ละครั้งแล้วจบไป
ั
-มีปญหาเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่คู่กรณีหรือผู้มี
ั
ส่วนร่วมในกระบวนการรับฟงข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และ
วิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2545 ไม่มีการก าหนดเกี่ยวกับมาตรการ
ั
การคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่คู่กรณีหรือผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟงข้อเท็จจริง แต่มี
ั
่
บทบัญญัติที่มีผลเป็นการคุ้มครองบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวตามหลักการรับฟงความทุกฝาย
กล่าวคือ มาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และ
ระเบียบฯ ข้อ 18 และข้อ 19 ได้ก าหนดให้ความคุ้มครองแก่ผู้ร้องหรือผู้มีส่วนร่วม ในกระบวนการ
ั
รับฟงข้อเท็จจริงไว้ว่าให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด าเนินการพิจารณาตรวจสอบการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยต้องให้โอกาสผู้ร้องหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงรายละเอียด
ทั้งด้วยลายลักษณ์อักษรและด้วยวาจา และเสนอพยานหลักฐานตามสมควรเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
เกี่ยวกับการกระท าที่มีการอ้างว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งคณะกรรมการอาจสอบถาม
ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากคู่กรณีและพยานได้ไม่จ ากัดเพียงข้อเท็จจริงที่คู่กรณีเสนอ อันเป็นการ
ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหลักการไต่สวน โดยที่มีบทลงโทษแก่ผู้ไม่มาให้ถ้อยค า ไม่ส่งวัตถุหรือ
เอกสาร ตามที่คณะกรรมการเรียกให้ส่ง ไม่มีผลใช้บังคับกับหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
หรือรัฐวิสาหกิจ ท าให้ในบางกรณีผู้เกี่ยวข้องไม่ให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อเท็จจริง หรือไม่ส่ง
วัตถุหรือเอกสาร ส่งผลให้การตรวจสอบล่าช้า หรือรวบรวมข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน ท าให้ผู้ร้องไม่ได้
รับการคุ้มครองสิทธิที่พึงมีในเวลาอันควร เช่น กรณีภาคีคนฮักเจียงใหม่ร้องเรียนต่อ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในช่วงต้นปี พ.ศ. 2549 ขอให้ตรวจสอบแนวทางการพัฒนา
เมืองเชียงใหม่ เนื่องจากภาคีฯ มีความวิตกว่า เป็นไปโดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
ั
หลายส่วน โดยเฉพาะแนวทางแก้ไขปญหาน ้าท่วมในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อ
สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตในชุมชน ซึ่งคณะอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 1 ใน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงและข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเรื่อง
ดังกล่าวแล้ว ไปยังจังหวัดเชียงใหม่หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการชี้แจงแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวท าให้
เห็นว่า ตามหลักการคุ้มครองทางกฎหมายแก่คู่กรณี หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการรับฟง ั
่
่
่
ความทุกฝายอย่างเท่าเทียมกันตามมาตรา 26 หากฝายใดฝายหนึ่งโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ
- 381 -

