Page 485 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 485

บทบัญญัติให้อ านาจคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการเข้าตรวจตราเรือนจ า หรือสถาน

                  กักกันต่างๆ  โดยไม่ต้องมีการร้องขอเพื่อประโยชน์  ในการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขัง  หรือผู้ถูก

                  กักกัน  การที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะเข้าตรวจตราสถานที่ดังกล่าว  จะต้องมี

                  หนังสือแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าในลักษณะของการขอความร่วมมือ  และประสานงาน  ในด้าน
                  สิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 15 (5) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.

                  2542  ซึ่งหากพิจารณากฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของประเทศเกาหลี

                  ใต้ จะเห็นว่าได้ก าหนดอ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องนี้ไว้อย่าง

                  ชัดเจน  หากเพิ่มเติมบทบัญญัติในลักษณะดังกล่าวไว้  ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิ

                  มนุษยชนแห่งชาติ  พ.ศ.  2542  น่าจะช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการในการคุ้มครอง

                  สิทธิมนุษยชนด้านนี้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

                                        -กสม. ไม่มีอ านาจขอให้ศาลส่งวัตถุเอกสารหลักฐาน หรือพยานหลักฐาน

                  อื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา โดยมาตรา  32  แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการ

                  สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ไม่ได้บัญญัติให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอ านาจ
                  ในการขอให้ศาลส่งวัตถุเอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการ

                  พิจารณา ในลักษณะเดียวกับที่มาตรา 27 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

                  ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา  พ.ศ.  2542  ได้บัญญัติให้อ านาจดังกล่าวแก่ผู้ตรวจการ

                                                                                     ้
                  แผ่นดินของรัฐสภา ทั้งที่ทั้งสององค์กรต่างก็ไม่มีอ านาจพิจารณาเรื่องที่มีการฟองร้องเป็นคดีอยู่ใน
                  ศาลหรือเรื่องที่ศาลมีค าพิพากษาหรือค าสั่งเสร็จเด็ดขาดแล้ว การที่ก าหนดอ านาจไว้แตกต่างกัน

                  ดังกล่าวจึงแสดงถึงแนวนิตินโยบายที่จะจ ากัดอ านาจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติใน

                  การเข้าถึงข้อเท็จจริงให้มีขอบเขตที่แคบกว่าอ านาจของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาในส่วนนี้
                                            ั
                                                                           ั
                                        -มีปญหาเกี่ยวกับมาตรฐานในการรับฟงและพิสูจน์หลักฐานข้อเท็จจริง
                                               ั
                  จากการศึกษากระบวนการรับฟงข้อเท็จจริงและแสวงหาพยานหลักฐานในการตรวจสอบ  การ
                                                                                           ั
                  ละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  พบว่า  ยังมีปญหาเกี่ยวกับ
                                     ั
                  มาตรฐานในการรับฟงและพิสูจน์หลักฐานข้อเท็จจริงบางประการ
                                        -ขาดมาตรฐานเกี่ยวกับการก าหนดประเด็นการตรวจสอบ โดยการ

                  ด าเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการต่างๆ  ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

                  แห่งชาติ เพื่อน าไปสู่การให้ความเห็นว่ามีการกระท าหรือการละเลยการกระท าอันเป็นการละเมิด
                                                                                            ั
                  สิทธิมนุษยชน  หรือไม่  ในบางกรณีมีการก าหนดประเด็นการตรวจสอบและรับฟงข้อเท็จจริง

                  ตลอดจนการให้ความเห็นตามกรอบของประเด็นการตรวจสอบที่ก าหนดไว้ แต่ในบางกรณีได้มี
                          ั
                  การรับฟงข้อเท็จจริงในเรื่องที่มีการร้องเรียนอย่างกว้างๆ  โดยไม่ได้ก าหนดประเด็นในการ


                                                          - 379 -
   480   481   482   483   484   485   486   487   488   489   490