Page 465 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 465

้
                  Principles) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2536 ที่ระบุหลักการในการส่งเสริม ปกปอง คุ้มครองสิทธิ
                  มนุษยชน การท าหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาของรัฐบาล การด าเนินงานของกสม.จึงสอดคล้องเป็นไป

                  ตามหลักการดังกล่าว

                                        -กสม.ถูกจัดตั้งขึ้นโดยอาศัยรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุด (มาตรา
                  256  และมาตรา 257 ในรัฐธรรมนูญปี 2550) มีฐานะเป็นองค์กรอิสระของรัฐที่มีความเป็นอิสระ

                  ปลอดจากการแทรกแซงจากอ านาจรัฐบาลหรือกลไกของรัฐ หรือกลุ่มผลประโยชน์ใด นอกจาก

                  การมีอ านาจหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ยังมีกฎหมายลูกคือพระราชบัญญัติ

                  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรองรับบทบาทและอ านาจในการท างาน

                                        -เป็นสถาบันที่มีโครงสร้างอ านาจเป็นเอกเทศ โดยมีคณะกรรมการสิทธิ

                  มนุษยชนแห่งชาติ อยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการ เป็นผู้ใช้อ านาจสูงสุด และคณะอนุกรรมการ

                  (subcommittee) เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

                                        -กสม.เป็นองค์กรรัฐ สังกัดรัฐสภา ที่ให้หลักประกันความเป็นอิสระโดย
                    ่
                  ฝายนิติบัญญัติ เพื่อให้ปลอดจากการแทรกแซงของรัฐบาล หน่วยงานอื่นๆ โดยมีส านักงานกสม.
                  อยู่ภายใต้การก ากับดูแลของประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

                                        -มีขอบเขตหน้าที่ตามกฎหมายที่ชัดเจนและมีอ านาจเพียงพอ โดย

                  บทบัญญัติมาตรา  257  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550  ก าหนดให้

                  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอ านาจหน้าที่ ที่ส าคัญคือ 1) การตรวจสอบและรายงาน

                  การกระท าหรือการละเลยการกระท าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เสนอมาตรการการแก้ไขที่

                  เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระท าหรือละเลยการกระท าดังกล่าว  ให้รายงานต่อรัฐสภา

                  2) เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ  ในกรณีที่เห็นชอบตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า
                                                                            ั
                  บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปญหาเกี่ยวกับความชอบด้วย
                  รัฐธรรมนูญ 3) เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครอง  ในกรณีที่เห็นชอบตามที่มีผู้

                                                                                                   ั
                  ร้องเรียนว่ากฎ ค าสั่ง  หรือการกระท าอื่นใดในทางปกครองกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปญหา
                  เกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ

                                              ้
                  วิธีพิจารณาคดีปกครอง 4) ฟองคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหายเมื่อได้รับการร้องขอจาก
                                                            ั
                  ผู้เสียหายและเป็นกรณีที่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนรวม  ทั้งนี้
                  ตามที่กฎหมายบัญญัติ 5) เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ  ต่อ

                  รัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 6) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย

                  และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน 7) ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่าง
                  หน่วยราชการ องค์การเอกชน  และองค์การอื่นในด้านสิทธิมนุษยชน 8) จัดท ารายงานประจ าปี



                                                          - 359 -
   460   461   462   463   464   465   466   467   468   469   470