Page 461 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 461

มาจ านวนของรัฐที่ออกค าเชิญตามกลไกพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน (Special

                  Procedures)  เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2011 รวม 90 รัฐ เมื่อเทียบกับปลายปี 2010 มีเพียง 78 รัฐ

                  และได้ไปเยือนรัฐเพิ่มขึ้นจากในปี 2010 จ านวน 67 รัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 82 รัฐ
                                                                                                   ั
                         นอกจากนี้สหประชาชาติยังมีกระบวนส าคัญอย่างหนึ่งคือการทบทวนสถานการณ์ปญหา
                  สิทธิมนุษยชนภายในแต่ละประเทศด้วยตนเองหรือที่เรียกว่าการทบทวนใน UPR  ในปลายเดือน

                  ตุลาคม ปี 2011 ประเทศสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศได้รับการทบทวนใน UPR  มีอัตราการมี

                  ส่วนร่วมครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในจ านวนนี้ร้อยละ 80 เป็นเป็นตัวแทนเข้าร่วมในระดับรัฐมนตรี ใน

                  จ านวนนี้มีรัฐที่เข้าร่วมกระบวนการเกือบ 40 ประเทศท าตามค าแนะน าจาก UPR พร้อมกับ

                                                 ้
                  วางแผนระดับชาติที่จะก าหนดเปาหมายการกระท า/กรอบ/แผนการด าเนินงาน ที่ได้รับการ
                  เตรียมการสนับสนุนจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน

                                                                                   ั
                         โดยรวมแล้วสหประชาชาติมีกระบวนการเสนอแนะแนวทางแก้ไขปญหาสิทธิมนุษยชนต่อ
                  ประเทศที่ถูกร้องว่ากระท าการละเมิดสิทธิมนุษยชน  มีการเสนอข้อมติเพื่อผลักดันให้เกิดการ

                  ปฏิบัติ ในปี 2011 ร่างสนธิสัญญาบางส่วนได้ถูกน ามาใช้ใน 120 การพิจารณา และ 130 ของการ
                  ท าความคิดเห็นในแต่ละกรณี นอกจากนี้เลขาธิการส านักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่ง

                  สหประชาชาติ ยังท าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคในการรายงาน การสื่อสารโดยตรง และ

                  ด าเนินการอื่นๆ ตามค าขอของรัฐภาคี

                                                                 ั
                         ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป มีข้อสรุปการแก้ปญหาแตกต่างไปจากกสม. เพราะข้อสรุป
                  วินิจฉัยจะออกมาเป็นค าพิพากษา โดยค าตัดสินถึงที่สุดของศาลทุกคดีนั้นจะมีผลบังคับแก่รัฐที่

                  เกี่ยวข้องเท่านั้น  นอกจากนี้ยังมีข้อแตกต่างในส่วนของการสอดส่องดูแลให้เป็นไปตามค า

                  พิพากษานั้นซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการรัฐมนตรีของสภายุโรป อีกทั้งคณะกรรมการรัฐมนตรี
                  จะต้องพิสูจน์ความจริงของรัฐที่ยอมรับว่าได้ท าการละเมิดอนุสัญญา ด้วยการก าหนดมาตรการ

                  แก้ไขเยียวยาอย่างเหมาะสมเท่าเทียมกันและสอดคล้องกับพันธะหน้าที่ทั่วๆไปหรือเป็นพิเศษ

                  นอกเหนือไปจากค าพิพากษาของศาลด้วย  ในกระบวนการพิจารณาของศาลจะท าการตัดสินด้วย

                  การลงคะแนนเสียงข้างมาก  คู่กรณีสามารถร้องขอให้ส่งคดีไปยังที่ประชุมใหญ่ได้หากว่าเป็นคดีที่

                  มีความส าคัญ หรือการตีความ หรือเกี่ยวกับค าร้องขอ หรือประเด็นร้ายแรง ค าตัดสินของศาลครบ

                  องค์คณะถือเป็นขั้นสุดท้ายและจะต้องมีค าตัดสินภายใน 3 เดือน หากว่าคู่กรณีประกาศว่าทั้งสอง

                    ่
                  ฝายไม่มีเจตนาในการร้องขอให้มีการเสนอไปถึงคณะพาเนล ในกรณีที่คณะพาเนลได้มีการยอม
                  รับค าร้องแล้ว ที่ประชุมใหญ่ก็จะท าการตัดสินในรูปแบบของค าพิพากษา โดยที่ประชุมใหญ่จะท า

                  การตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียงข้างมาก และค าพิพากษาค าตัดสินที่ถึงที่สุดของศาลทุกคดีจะมี
                  ผลบังคับแก่รัฐที่เกี่ยวข้อง เมื่อพิจารณาสถิติจ านวนเรื่องร้องเรียนที่ผ่านมาตั้งแต่ในช่วงปี 1999 -



                                                          - 355 -
   456   457   458   459   460   461   462   463   464   465   466