Page 407 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 407

ยังไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์  เห็นว่า ที่ดินในเขตที่มีประกาศสงวนหรือหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ
                       ตามกฎหมาย จะมีสถานะเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าส่วนราชการได้เข้าใช้ประโยชน์แล้ว
                       หรือไม่ ถ้าเข้าใช้ประโยชน์แล้วที่ดินดังกล่าวก็เป็นที่ราชพัสดุ แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์หรือใช้

                       ประโยชน์บางส่วน ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นที่ราชพัสดุ”
                              ต่อมา เมื่อรัฐบาลในปี 2546 มีนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ด้วยการนําที่ดินที่อยู่ในความ
                       ครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ นํามาพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจ มณฑลทหารบกที่ 24

                       จึงขออนุมัติกองทัพบก ทําเรื่องส่งที่ดินที่พิพาทคืนให้กับกรมธนารักษ์  กรมธนารักษ์จึงนําพื้นที่พิพาท
                       ดังกล่าวมาจัดให้ราษฎรเช่า ทั้งที่กรมธนารักษ์ดําเนินการตรวจสอบพื้นที่พบว่า ราษฎรบางส่วน
                       มีหลักฐานการครอบครองในที่ดินที่พิพาท ตั้งแต่ปี 2498

                              ดังนั้น จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ตามที่มณฑลทหารบกที่ 24 แจ้งไม่เคยได้ใช้ประโยชน์
                       ในที่พิพาทดังกล่าว จึงทําให้ที่พิพาทดังกล่าวไม่ใช่ที่ราชพัสดุ แต่เป็นที่สงวนหวงห้ามที่เป็นสาธารณสมบัติ
                                                                                     ั
                       ของแผ่นดิน กรมธนารักษ์ไม่มีสิทธิในการจัดให้เช่า การดําเนินการแก้ไขปญหาในที่ดินที่พิพาทโดย
                       การจัดให้เช่าของกรมธนารักษ์ จึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ร้อง และขัดต่อเจตนารมณ์ของการ
                       ปฏิบัติราชการที่ดี ตามนัยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี
                       พ.ศ. 2546


                       7.4 วิเคราะห์การละเมิดสิทธิ

                              ที่ราชพัสดุเป็นที่ดินของรัฐประเภทหนึ่งที่กฎหมายกําหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ

                       พ.ศ. 2518  ซึ่งเดิม ที่ราชพัสดุ ไม่มีคํานิยามและกฎหมายใดที่กําหนดไว้ชัดเจน มีเพียงหนังสือพระ
                       บรมราชโองการรัชการที่ 6 ที่ 65/507 ลงวันที่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2464 ความว่า “หนังสือกระทรวง
                       พระคลังมหาสมบัติ ที่ 205/23400  ลงวันที่ 14  มีนาคม 2464 ว่า เห็นควรสมควรรวบรวมบรรดาที่ดิน

                       ของหลวงในกระทรวงต่าง ๆ มาขึ้นทะเบียนราชพัสดุไว้ทางกระทรวงพระคลังฯ เสียทางเดียวเพื่อปกครอง
                       ให้เป็นหลักฐานสืบไปนั้น หม่อมฉันเห็นชอบด้วยแล้วให้ท่านจัดการกับเจ้ากระทรวงต่าง ๆ ในเรื่อง
                       ต่อไปเถิด” จึงรวบรวมที่ดินขึ้นทะเบียนไว้ที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ แต่เนื่องพระบรมราชโองการ
                                                     ั
                       ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ทําให้เกิดปญหาการบังคับใช้ กล่าวคือ หน่วยงานราชการโต้แย้งและไม่ปฏิบัติ
                       ทําให้การรวบรวมขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุทําได้เพียงบางส่วน

                              ต่อมาหลังการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. 2475  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
                       ประกาศใช้ “ระเบียบกระทรวงการคลัง ที่ 8782/2485 เรื่อง การปกครองและจัดประโยชน์ที่ดินสิ่งปลูกสร้าง
                       ราชพัสดุ พุทธศักราช 2485 กําหนดให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ นําที่ดินของหน่วยงานต่าง ๆ
                       ที่ใช้ประโยชน์มาขึ้นทะเบียนต่อกระทรวงการคลัง ซึ่งการประกาศใช้ระเบียบดังกล่าว กลายเป็นข้อโต้แย้ง

                       ของหน่วยงานต่าง ๆ โดยอ้างว่า ระเบียบดังกล่าวมิใช่กฎหมายเป็นเพียงคําสั่งภายในที่ใช้บังคับเฉพาะ
                       ในกระทรวงการคลังเท่านั้น จะใช้บังคับแก่กระทรวงอื่น ๆ มิได้  จากสาเหตุดังกล่าวเป็นสาเหตุสําคัญ
                                 ั
                       ที่ทําให้เกิดปญหาการบริหารจัดการที่ราชพัสดุตลอดมา






                                                                                                      7‐45
   402   403   404   405   406   407   408   409   410   411   412