Page 411 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 411
ั
อยู่ในพื้นที่พิพาทไว้ก่อนจนกว่าการแก้ไขปญหาจะได้ข้อยุติ และให้แยกพื้นที่เฉพาะส่วนที่ไม่มีพิพาท
ข้อโต้แย้งสิทธิในที่ดินกับราษฎร ดําเนินการออก น.ส.ล.
2. รัฐควรมีนโยบายเร่งรัดสํารวจตรวจสอบการใช้ที่ราชพัสดุของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ให้
เป็นไปตามความจําเป็นเท่านั้น หากหน่วยราชการใดมีพื้นที่เกินความจําเป็นให้กันคืนให้กับรัฐเพื่อ
นําไปจัดให้ประชาชนที่ไม่มีที่ทํากินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่การขอใช้ประโยชน์ในราชการทหาร
ในอดีต
ั
3. เนื่องจากการแก้ไขปญหาการโต้แย้งสิทธิในที่ดินระหว่างรัฐกับราษฎร ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐอัน
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เช่น ที่สงวนหวงห้ามของรัฐ ที่สาธารณประโยชน์ และที่ราชพัสดุ เป็น
ั
ั
ต้น รัฐจะใช้คณะกรรมการแก้ไขปญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) เป็นกลไกในการแก้ไขปญหาที่สําคัญ
แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว มีจํานวนมากและขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่มีกฎหมาย
ั
ั
รองรับอํานาจหน้าที่อย่างชัดเจน ทําให้ผลการดําเนินการแก้ไขปญหาของคณะกรรมการแก้ไขปญหาการบุก
รุกที่ดินของรัฐ (กบร.) จึงไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน หน่วยงานของรัฐ ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง หาข้อ
ั
ั
ยุติไม่ได้ และยังทําให้การแก้ไขปญหากรณีพิพาทล่าช้า ดังนั้น รัฐควรยกเลิกคณะกรรมการแก้ไขปญหาการ
บุกรุกที่ดินของรัฐ (ก.บ.ร.)
ั
4. รัฐควรมีนโยบายจัดตั้งกลไกแก้ไขปญหาที่ดินแบบถาวร ซึ่งต้องมีกฎหมายรับรองการใช้อํานาจ
อย่างแท้จริง ซึ่งมีองค์ประกอบในกลไกดังกล่าวต้องมาจากตัวแทนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจน
ั
หน่วยงานราชการต่าง ๆ เกี่ยวข้อง และในระหว่างการแก้ไขปญหาในพื้นที่พิพาทหน่วยงานราชการที่
ั
มีหน้าที่ปกครอง ดูแลต้องให้ชะลอการจับกุมและผ่อนผันให้ทํากินไปจนกว่าการแก้ไขปญหาจะได้ข้อยุติ
5. ตามข้อ 4 รัฐควรมีนโยบายปรับปรุงกระบวนวิธีการพิสูจน์สิทธิในที่ดินใหม่ให้เป็นที่ยอมรับ
่
ของทุกฝาย
5.1) กรณีการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน เห็นควรให้พิจารณาหลักฐานที่ทางราชการทําขึ้น หลักฐาน
การครอบครองที่ดิน พยานบุคคล และหลักฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน
กระบวนการพิสูจน์สิทธิและรังวัดที่ดินนั้นด้วย
5.2) กรณีที่ราชพัสดุ ที่หน่วยงานราชการได้สงวนหวงห้ามไว้ใช้ในราชการ หรือให้หน่วยราชการ
ที่เป็นผู้ใช้ที่ราชพัสดุ มีหน้าที่พิสูจน์สิทธิการได้มาซึ่งที่ดินและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ด้วย
5.3) กรณีการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ พื้นที่ใดมีข้อพิพาทโต้แย้งสิทธิในที่ดิน ให้ดําเนินการ
ั
แก้ไขปญหาจนได้ข้อยุติ จึงนําขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุต่อไป
2. ข้อเสนอแนะระยะยาว มีดังต่อไปนี้
1. รัฐควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวกับที่ราชพัชดุ ดังต่อไปนี้
1.1) ตามมาตรา 4 แห่งพระบัญญัติที่ราชพัชดุ พุทธศักราช 2518 ให้คํานิยามที่ราชพัสดุ
ไว้ว่า “อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด เว้นแต่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
(1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น
ตามกฎหมายที่ดิน (2) อสังหาริมทรัพย์สําหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน
เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางนํ้า ทางหลวง ทะเลสาบ และส่วนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล
และขององค์การปกครองท้องถิ่นไม่ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุ” แต่ตามความเห็นของคณะกรรมการ
7‐49