Page 37 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 37
ทําให้การถือครองที่ดินเกิดภาวะการกระจุกตัวอยู่ในมือของชนชั้นสูง ที่ดินกลายเป็นสินค้า (Commodity)
ั
ที่มีราคาสูงส่งผลกระทบให้ชาวนาชาวไร่ไร้ที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นปญหานับแต่นั้นมา
ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 7 ก็ได้เสนอ
เก็บภาษีรายได้และภาษีอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนยากจน แต่ไม่ได้รับ
ั
ความเห็นชอบจากรัฐสภา และตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปจจุบันได้มีความ
พยายามปฏิรูปที่ดินเพื่อปรับเปลี่ยนกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดินที่กระจุกตัวอยู่ให้กระจายสู่กลุ่มคนต่าง ๆ
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอยู่ 3 ระลอก
ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นโยบายปฏิรูปที่ดินระลอกแรก (พ.ศ. 2476) ที่มาจาก
ั
ความตั้งใจที่จะแก้ไขปญหาการถือครองที่ดินซึ่งดํารงอยู่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24
มิถุนายน พ.ศ. 2475 ของคณะราษฎรสายพลเรือนนําโดยนายปรีดี พนมยงค์ ในเค้าโครงเศรษฐกิจ
ของนายปรีดี พนมยงค์ ได้กล่าวถึง “การประกันความสุขสมบูรณ์ของราษฎร” และ “วิธีซึ่งรัฐบาล
จะหาที่ดิน แรงงาน เงินทุน” อันได้แก่ การจัดหาที่ดิน โดยการซื้อ “ที่ดินที่จะใช้ประกอบการทางเศรษฐกิจ
เช่น ที่นาหรือไร่ กลับคืนสู่รัฐบาล” มีข้อเสนอให้รัฐบาลใช้พันธบัตรซื้อที่ดินสําหรับการเพาะปลูกทั้งหมด
แต่ถูกโจมตีว่า “เค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ” เป็นโครงการของคอมมูนิสต์ และไม่ได้รับเห็นชอบ
ให้เป็นนโยบายของรัฐบาล การที่นโยบายปฏิรูปที่ดินถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากคณะเจ้าและขุนนาง
ข้าราชการชั้นสูงรวมทั้งส่วนหนึ่งของคณะราษฎรเพราะนโยบายปฏิรูปที่ดินด้วยการรวมที่ดินส่งผล
กระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อการถือครองที่ดินของคณะเจ้าและขุนนางข้าราชการชั้นสูงซึ่งเป็นกลุ่ม
ที่ถือครองที่ดินเป็นจํานวนมาก
ความตั้งใจปฏิรูปที่ดินระลอกที่สองในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม (พ.ศ. 2497) ซึ่งดําเนิน
นโยบายทั้งทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมแบบชาตินิยมตามแนวคิดของ หลวงวิจิตรวาทการ
เพื่อปลดพันธนาการของต่างชาติที่ครอบงําเศรษฐกิจของไทยรวมทั้งความต้องการส่งเสริมการพัฒนา
เกษตรกรรมอุตสาหกรรม เพื่อให้ราษฎรไทยอยู่ดีกินดีขึ้นแต่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่มีที่นาของตนเอง
ในขณะที่ผู้มีอิทธิพลในสังคมใช้ทั้งเล่ห์เพทุบายการข่มขู่และช่องว่างของกฎหมายฉกฉวยเอาที่ดินจาก
ราษฎรไปจนเกิดเป็นกรณีพิพาทจํานวนมากรัฐบาลสามารถตราพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อความเป็นธรรม
แก่สังคมและพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลที่ดิน 2497 ซึ่งมีเนื้อหาสาระในการจํากัดการถือครองที่ดิน
ทั้งในการประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย
แต่หลังจากการรัฐประหารยึดอํานาจของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐบาลเผด็จการของไทย
ได้ไปรับเอาแผนพัฒนาเศรษฐกิจตามคําแนะนําของธนาคารโลกมาเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐภายใต้
บรรยากาศของสงครามเย็น ทําให้โครงสร้างส่วนล่างของไทยผนวกเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ
โลกอย่างสมบูรณ์ในขณะที่โครงสร้างส่วนบนไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่ง ได้ยกเลิกการจํากัด
เพดานการถือครองที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินที่ส่งผลให้การถือครองที่ดินเกิดสภาวะการกระจุกตัว
ในมือคนส่วนน้อย คือพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 ในส่วนที่เกี่ยวกับการจํากัด
การถือครองที่ดิน (มาตรา 34 ถึงมาตรา 49 และมาตรา 94 อนุมาตรา 5 ของประมวลกฎหมายที่ดิน 2497)
ได้ถูกยกเลิกโดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 49 ลงวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2502 โดยจอมพลสฤษดิ์
3‐8