Page 34 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 34

กรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทย ปรากฏเริ่มแรกตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  ในรัชกาลของ
                       พ่อขุนรามคําแหง ซึ่งทรงดําเนินรัฐประศาสโนบายส่งเสริมเศรษฐกิจเกี่ยวกับการทําประโยชน์ในที่ดิน
                                             ั
                       เพื่อให้ได้พืชผลมาเป็นปจจัยในการบริโภคและอุปโภคพอควรแก่ระดับการครองชีพในสมัยนั้น
                       เมื่อราษฎรเข้าบุกเบิกหักร้างถางพงในที่ดินจนเพาะปลูกได้ผลได้ประโยชน์แล้วก็โปรดให้ที่ดินนั้น  ๆ
                                                                                                    ่
                       เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ออกแรงออกทุนไป ดังปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า "ฯลฯ  สร้างปาหมาก
                                                                ่
                        ่
                                           ่
                       ปาพลูทั่วเมืองทุกแห่ง ปาพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ปาคาง (ขนุน)  ก็หลายในเมืองนี้ หมากม่วงก็หลาย
                       ในเมืองนี้  หมากขามก็หลายในเมืองนี้ใครสร้างได้ไว้แก่มัน ฯลฯ"  ได้จัดแบ่งองค์การบริหารออกเป็น
                       รูปจตุสดมภ์ คือ เวียง วัง คลัง นา  ประจําอยู่ส่วนกลาง  การจัดเรื่องที่ดินขึ้นอยู่แก่กรมนา ในแผ่นดิน
                       สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) (พ.ศ. 1903) ตําแหน่งเสนาบดีกรมนามีชื่อเรียกว่า "ขุนเกษตราธิบดี"

                       ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991) หรือที่เรียกว่า "พระเกษตราธิบดี"  ในแผ่นดิน
                       พระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2175) เรียกว่า "เจ้าพระยาพลเทพเสนาบดีศรีไชยนพรัตน์เกษตราธิบดี
                       อภัยพิริยะปรากรมพาหุ"  นามเจ้าพระยาพลเทพนี้ใช้อยู่จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยนี้มีกฎหมาย

                       ลักษณะเบ็ดเสร็จซึ่งตราขึ้นใช้บังคับตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1  (พระเจ้าอู่ทอง)  บทที่ 35,
                       42 และ 43 เป็นแม่บทสําหรับดําเนินการ  โดยกําหนดให้มีการจัดที่ดินซึ่งยังรกร้างเป็นทําเลเปล่า
                       ให้ราษฎร เข้าก่นสร้างให้มีประโยชน์ขึ้น  สมัยกรุงรัตนโกสินทร์  รัชกาลที่ 1 - 2  งานที่ดินยังคงยึดหลักการ

                       ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ  สมัยรัชกาลที่ 3  มีการออกหนังสือสําหรับที่บ้าน  เพื่อระงับข้อพิพาท
                       การรุกลํ้าเขตกัน สมัยรัชกาลที่ 4 มีการประกาศขายฝากและจํานําที่สวน ที่นา และมีการออกตราแดง
                       ในเขตจังหวัดกรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยาอ่างทอง ลพบุรีสุพรรณบุรี)  เป็นหลักฐานแสดงว่ามีผู้มีชื่อ

                       เป็นเจ้าของและใช้ในการเก็บภาษีที่นา
                              การออกหนังสือสําคัญชนิด ต่าง ๆ  มีเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิดในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่น โฉนดสวน
                                                                          ั
                       ใบตราจอง เพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีค่านา  ต่อมา มีปญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินสู่ศาลบ่อยขึ้น
                       เพราะหนังสือสําคัญที่เจ้าหน้าที่ผู้เก็บภาษีอากรออกให้เจ้าของที่ดินยึดถือไว้นั้นไม่อาจระงับข้อพิพาท
                       โต้แย้งได้  เนื่องจากมีข้อความไม่กระจ่างว่าผู้ใดมีสิทธิอยู่ในที่ดินเพียงใดอย่างใด  พระบาทสมเด็จ
                       พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงประสบถึงความเดือดร้อนของราษฎรในกรณีดังกล่าว  จึงได้ทรงพระกรุณา

                       โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวง  เกษตรพาณิชยการจัดดําเนินงานเรื่องสิทธิในที่ดินให้รัดกุมขึ้น โดยมีดําเนินการ
                       ออกโฉนดที่ดิน โดยให้อยู่ในบังคับบัญชาของเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า
                              การออกเดินสํารวจเป็นครั้งแรกในปี ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444) โดยข้าหลวงเกษตรพร้อมด้วย

                       เจ้าพนักงานกรมแผนที่ และมีพระบรมราชานุญาตให้ผู้ที่ถือโฉนดที่ดิน เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน มีการ
                                                                                       ั
                       ออกโฉนดตราจอง เป็นหนังสือสําคัญสําหรับที่ดินที่ได้ทําประโยชน์แล้ว  ปจจุบันยังคงมีอยู่ในเขต
                       มณฑลพิษณุโลก คือ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์  และสุโขทัย  และจัดตั้งหอทะเบียนที่ดินแห่งแรก
                       คือ หอทะเบียนมณฑลกรุงเก่าในพระราชวังบางปะอิน เมื่อ ร.ศ. 120  ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2444  หลังจากนั้น
                                                                ั
                       ได้มีการสถาปนากรมทะเบียนที่ดิน  หรือกรมที่ดินปจจุบันขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ เมื่อ 17 กุมภาพันธ์
                       พ.ศ. 2444  และมีการออกพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451)  ซึ่งได้รวบรวมการ

                       ดําเนินการเรื่องที่ดินแต่ดั้งเดิมหลายฉบับไว้เป็นฉบับเดียว  และถือเป็นมูลฐานของกฎหมายเกี่ยวกับ


                                                                                                       3‐5
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39