Page 36 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 36

่
                       ตามกฎหมายที่ดิน ก็ทําให้ราษฎรในชนบทห่างไกลหรือชุมชนที่อยู่กับปา กลายเป็นผู้ไร้สิทธิในที่ดิน
                                               ่
                       และถูกกล่าวหาเป็นผู้บุกรุกปาทั้ง ๆ ที่เขาอยู่อาศัยทํากินอยู่ที่เดิมของเขามาแต่บรรพบุรุษ ยิ่งกว่านั้น
                                                                                             ่
                                                                                                  ่
                                                                    ่
                       ยังมีที่ดินซึ่งชุมชนใช้สอยร่วมกัน เช่น ที่ไร่หมุนเวียน ที่ปาใช้สอย ที่สาธารณประโยชน์ ปาบุ่งปาทาม พรุ
                       หนองนํ้า ก็ตกเป็นของรัฐตามกฎหมายที่แต่ละหน่วยงานของรัฐใช้อํานาจตามกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแล
                       อํานาจรัฐในการบริหารจัดการที่ดินจึงซ้อนทับอํานาจของราษฎรและชุมชนที่มีสิทธิตามธรรมชาติในที่ดิน
                       และทรัพยากรที่เขาสืบทอดกันมาช้านาน เมื่อราษฎรยืนยันสิทธิและใช้ที่ดินทํากินตามจารีตประเพณี

                       ของเขา จึงเกิดข้อพิพาทขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐและเมื่อหน่วยงานของรัฐบังคับใช้กฎหมายเหนือกฎเกณฑ์
                                                                                          ่
                       ตามจารีตประเพณี จึงเกิดข้อพิพาทขัดแย้งและนําไปสู่การละเมิดสิทธิในที่ดินและปาของราษฎร


                       3.3 งานวิจัยที่ดิน
                                      ่
                              ที่ดินและปาไม้ที่สมบูรณ์เป็นทรัพยากรพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับการดํารงชีวิตและการประกอบอาชีพ
                       ตามวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ตลอดจนความมั่นคงทางอาหารและสภาวะแวดล้อมของสังคม โดยรวม
                       ประเทศไทยยังมีที่ดินที่อุดมสมบูรณ์พอเพียงเมื่อเทียบกับจํานวนประชากร 65 ล้านคน เกษตรกร

                       ควรจะมีที่ดินเฉลี่ยคนละ 22 ไร่ตามข้อมูลของสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร แต่ความเป็นจริง
                                                                 ั
                       กลับไม่เป็นเช่นนั้นราษฎรชาวไทยต้องเผชิญกับปญหาการขาดแคลนที่ดินในการผลิตมาโดยตลอด
                       นโยบายรัฐยังคงมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเปิดช่องให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อขายครอบครองที่ดินได้โดยเสรี

                       ทําให้เกิดการแก่งแย่งที่ดินและทรัพยากรที่ทวีความรุนแรงและเข้มข้นมากยิ่งขึ้นแทบทุกรูปแบบ
                                                   ั
                       ดังปรากฏในรายงานสถานการณ์ปญหาที่ดินในสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง
                              งานวิจัยที่ดินในช่วงแรกอธิบายการปฏิรูปที่ดินรัฐ เช่น งานวิจัยเรื่องวิวัฒนาการของการ

                       ปฏิรูปที่ดินในประเทศไทย : ศึกษาเฉพาะกรณีการออกกฎหมายปฏิรูปที่ดิน (พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2518)
                                                                                           ั
                       โดย วีรวัฒน์ อริยะ, วิริยานันท์ พุทธกาลรัชธร และแล ดิลกวิทยรัตน์ ชี้ให้เห็นว่า ปญหาความขัดแย้ง
                       ในการใช้ประโยชน์ฐานทรัพยากรธรรมชาติในสังคมไทยเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ยุคศักดินา

                       ครั้งกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จนถึงตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กรรมสิทธิ์ที่ดินถูกแยกเป็นสองส่วน
                       พระเจ้าแผ่นดินเป็นเจ้าของที่ดิน (Ownership)  ราษฎรได้สิทธิในการใช้ประโยชน์ทํากินแลกกับการส่งส่วย
                       และเกณฑ์แรงงานผ่านระบบเจ้าขุนมูลนายซึ่งดูแลแทนพระมหากษัตริย์อีกทอดหนึ่ง ระบบเศรษฐกิจ
                                                                                            ั
                       ในช่วงนี้เป็นเศรษฐกิจแบบพอยังชีพ (Subsistence Economy)  ที่ดินถูกใช้เป็นปจจัยในการยังชีพ
                       โครงสร้างส่วนบนและโครงสร้างส่วนล่างสอดคล้องสัมพันธ์กัน จนถึงภายหลังการเซ็นต์สนธิสัญญาเบาวริ่ง
                       ในปี  พ.ศ. 2398  ทําให้ฐานทางเศรษฐกิจของไทยเปิดเชื่อมต่อกับระบบเศรษฐกิจโลกเนื่องจาก

                       แรงกดดันของมหาอํานาจในการเสาะแสวงหาแหล่งวัตถุดิบและตลาดสําหรับระบายสินค้าและทุน
                       ซึ่งมาพร้อมกับลัทธิการล่าอาณานิคม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5  ได้ปรับปรุง
                       ระบบบริหารราชการแผ่นดินให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก พร้อมทั้งปฏิรูปกฎหมายจัดการที่ดิน

                       จากกฎหมายตราสามดวงไปเป็นระบบทอแรนส์ (โฉนดแผนที่)  ที่มีผลเป็นการผนวกกรรมสิทธิ์ที่ดิน
                       ทั้งความเป็นเจ้าของและสิทธิในการใช้ประโยชน์ที่เคยแยกกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวที่เรียกว่า กรรมสิทธิ์

                       เอกชน ซึ่งก่อให้เกิดเจ้าของที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ (Absentee Landlords)  และแรงงานเสรีที่หลุดจากที่ดิน

                                                                                                       3‐7
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41