Page 41 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเรื่องการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 41

20


                        2. ประเทศที่มีการบัญญัติกฎหมายวาดวยการขจัดการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวีเปนการเฉพาะ
               ไดแก ประเทศสาธารณรัฐฟลิปปนส

                        3. ประเทศที่มีการบัญญัติกฎหมายวาดวยการขจัดการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวี ในมุมมองของ
               กฎหมายวาดวยความเสมอภาคไดแก ประเทศสหราชอาณาจักร

                       2.2.1  เครือรัฐออสเตรเลีย

                       เครือรัฐออสเตรเลียไดรับการยอมรับจากนานาประเทศในฐานะประเทศที่มีกฎหมายและนโยบายใน
               การแกไขปญหาเกี่ยวกับโรคเอดสที่กาวหนามากที่สุดอีกแหงหนึ่ง และเปนประเทศตนแบบที่สําคัญในการ
               พัฒนากฎหมายเกี่ยวกับการขจัดการเลือกปฏิบัติใหกับประเทศตางๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฮองกง และ
                        34
               นิวซีแลนด  จากการศึกษาทบทวนกรอบกฎหมายของประเทศเครือรัฐออสเตรเลีย พบวา การเลือกปฏิบัติตอ
               ผูติดเชื้อเอชไอวีถือเปนการละเมิดกฎหมายทั้งในระดับประเทศและระดับมลรัฐ สําหรับกรอบกฎหมาย
               ระดับประเทศของเครือรัฐออสเตรเลียที่เกี่ยวของกับการขจัดการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวี มีดังตอไปนี้
                       -  Commonwealth of Australia Constitution Act of 9 July 1900

                       -  Human Rights and Equal Opportunity Commission Act 1986
                       -  Privacy Act 1988
                                                                                                  35
                       -  Disability Discrimination Act 1992 (amendment up to Act. No. 169 of 2012)
                       -  Fair Work Act 2009

                       พระราชบัญญัติ Disability Discrimination Act 1992 (DDA) ถือเปนกฎหมายหลักที่สําคัญที่ให

               ความคุมครองผูติดเชื้อเอชไอวีจากการถูกเลือกปฏิบัติสําหรับขอบเขตการบังคับใชกฎหมาย แมวากฎหมาย
               ฉบับนี้ไมไดกลาวถึง การเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะ แตเมื่อพิจารณาจากคําจํากัดความของ
               ความพิการและเจตนารมณของกฎหมายจะเห็นไดวา ความพิการใหตีความครอบคลุมถึงสภาวะสุขภาพอีก
               ทั้งยังไมไดกําหนดเงื่อนเวลาของความพิการ หรือสภาวะสุขภาพ กลาวคือกฎหมายจะใหความคุมครอง

               ครอบไปถึงสภาวะสุขภาพทั้งในอดีต ปจจุบัน และอนาคต นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังขยายความคุมครอง
               ผูที่เกี่ยวของกับผูติดเชื้อเอชไอวี อาทิ สมาชิกในครอบครัวของผูติดเชื้อเอชไอวี หรือผูที่นาจะหรือเชื่อวาเปนผู
                                             36
               อาศัยอยูรวมกับเชื้อเอชไอวี เปนตน กฎหมายไดกําหนดขอบเขตการหามมิใหมีการเลือกปฏิบัติตอผูติดเชื้อ
               เอชไอวี ในกรณีการจางงาน การศึกษา การเขาไปยังสถานที่ตางๆ การจัดใหบริการและเครื่องอํานวยความ
                                             37
               สะดวก การจัดที่พักอาศัย และอื่นๆ
                       ในประเด็นการเลือกปฏิบัติ กฎหมายฉบับนี้ไดบัญญัติครอบคลุมหามมิใหมีการเลือกปฏิบัติทั้ง การ
               เลือกปฏิบัติโดยตรง กลาวคือ หามเลือกปฏิบัติดวยเหตุแหงความแตกตางระหวางบุคคล เชน หามไมใหมีการ
               ปฏิบัติตอผูติดเชื้อ หรือเชื่อวาเปนผูติดเชื้อแตกตางไปจากบุคคลทั่วไปในสถานการณเดียวกัน อาทิ หากไมมี

               กฎหมายบัญญัติเปนการเฉพาะ หามมิใหนายจางปฏิเสธการจางงานบุคคล เนื่องจากสภาวะสุขภาพ ดวยเหตุ
               แหงความแตกตาง ในขณะเดียวกัน การเลือกปฏิบัติโดยออม หมายถึง การกําหนดเงื่อนไขที่เกินความจําเปน




               34
                 DC Jayasuriya, HIV Law, Ethics and Human Rights – Text and Materials, (New Delhi: UNDP),1995  p.103
               35
                 http://www.comlaw.gov.au/Details/C2013C00022 , visited 12 พ.ย. 2556
               36 Sect.4 (c),(d), 7 และ 8
               37 Part II Divsion I and II
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46