Page 43 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเรื่องการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 43
22
แตงตั้งกรรมการที่ทําหนาที่ในประเด็นการเลือกปฎิบัติดวยเหตุแหงความพิการ (Disability Discrimination
40
Commissioner) เปนการเฉพาะ ในป 2553 – 2554 พบวา มีผูรองทุกขตอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แหงเครือรัฐออสเตรเลียจากการถูกเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากการเปนผูติดเชื้อเอชไอวีจํานวน 11 เรื่อง
คิดเปนรอยละ 1 ของคํารองทุกขภายใตกฎหมายฉบับนี้ นอกจากนี้พบวา มีผูรองทุกขจากการถูกเลือกปฏิบัติ
ดวยเหตุแหงความพิการในการจางงาน จํานวน 672 เรื่อง คิดเปนรอยละ 31 ของคํารองทุกขในประเด็นตางๆ
ซึ่งถือวาการเลือกปฏิบัติในการจางงานเปนประเด็นที่สําคัญรองลงมาจากการเลือกปฏิบัติจากการไดรับบริการ
และสิ่งอํานวยความสะดวกอื่นๆ โดยทั่วไป กระบวนการวินิจฉัยคํารองทุกขจะใชเวลาไมเกิน 12 เดือน จาก
สถิติคํารองทุกขที่ไดรับการวินิจฉัยทั้งหมด 961 เรื่อง มีคํารองทุกขเพียง 14 เรื่องที่ใชระยะเวลาในการวินิจฉัย
41
เกิน 12 เดือน
ในป 2555 เปนตนมา รัฐบาลแหงเครือรัฐออสเตรเลียไดมีการพิจารณาแกไขกรอบกฎหมายวาดวย
การขจัดการเลือกปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวของกับการขจัดการเลือกปฏิบัติดวย
เหตุแหงความแตกตาง ไดแก อายุ เพศ ความพิการ และเชื้อชาติ ใหอยูภายใตพระราชบัญญัติเดียวกัน เพื่อลด
ความซับซอนและความไมสอดคลองของกฎหมายแตละฉบับ เพื่อใหสาธารณะมีความเขาใจเกี่ยวกับสิทธิและ
หนาที่ของตนภายใตกฎหมายดังกลาวไดดียิ่งขึ้น และเพื่อสรางกลไกการคุมครอง/รองทุกขที่มีประสิทธิภาพ
42
และขยายความคุมครองเพิ่มขึ้นในกรณีที่เหมาะสม สําหรับการคุมครองผูติดเชื้อเอชไอวีจากการเลือกปฏิบัติ
นั้น พบวา DDA ยังคงมีปญหาในการบังคับใชโดยเฉพาะอยางยิ่งในประเด็นการพิจารณาการเลือกปฏิบัติทั้ง
ทางตรงและทางออม (test for discrimination) ซึ่งกลุมภาคประชาสังคมไดมีการเสนอใหมีการพิจารณา
นําเอาวิธีการพิจารณาการเลือกปฏิบัติที่เปนรูปแบบเดียวมาใชกับการเลือกปฏิบัติทั้งสองประเภทเพื่อทําให
กระบวนการตรวจสอบงายยิ่งขึ้น โปรงใส และยืดหยุน ซึ่งจะทําใหผูติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเปนผูรองที่ไมมีทนายหรือ
ที่ปรึกษาทางกฎหมายใหความชวยเหลือในคดี (unrepresented litigant) สามารถเขาถึงความยุติธรรม
นอกจากเสนอใหมีนําเอาประเด็นเรื่องการลวงละเมิดเปนสวนหนึ่งของความหมายของการเลือกปฏิบัติ และให
มีการบัญญัติหนาที่เชิงบวก (positive duty) ของหนวยงานที่เกี่ยวของ รวมตลอดถึง นายจาง ผูใหบริการใน
การสงเสริมการขจัดการเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ ประเด็นภาระการพิสูจน มีขอเสนอควรใหฝายผูถูกกลาวหา
เปนผูมีภาระในการนําสืบพิสูจน เนื่องจากพบวา ในกรณีการเลือกปฏิบัติจากการจางงาน เนื่องจาก
ความสัมพันธเชิงอํานาจที่ไมเทาเทียมระหวาง ผูรองซึ่งเปนลูกจาง และผูถูกกลาวหาซึ่งเปนนายจาง ทําใหผูรอง
มีความยากลําบากอยางมากในการอางหรือนําหลักฐานเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติซึ่งโดยปกติอยูในความ
ครอบครองหรือควบคุมของผูถูกกลาวหามานําสืบใหปรากฎได ดังนั้นหนาที่ในการนําสืบควรตกอยูที่ผูถูก
43
กลาวหาซึ่งเปนไปตามแนวทางภายใต Fair Work Act 2009
ในสวนของกลไกการคุมครอง พบวา พระราชบัญญัติ DDA ไมไดมีบทบัญญัติใหอํานาจตัวแทนหรือ
หนวยงานเพื่อดําเนินการสืบสวนตรวจสอบแทนผูเสียหายจากการเลือกปฏิบัติ เพื่อบังคับใหผูกระทําผิดปฎิบัติ
40
Sections 113 - 120
41 http://humanrights.gov.au/about/publications/annual_reports/2010_2011/complaint-statistics.html
42
Attorney – General’s Department, Consolidation of Commonwealth Anti–Discrimination Laws -
Discussion Paper, September 2011, visited
http://www.ag.gov.au/Consultations/Documents/ConsolidationofCommonwealthanti-
discriminationlaws/Consolidation%20of%20Commonwealth%20Anti-Discrimination%20Laws.pdf
43 HIV/AIDS Legal Centre, Consolidation of Commonwealth Anti-Discrimination Laws, February 2012,
visited http://halc.org.au/wp-content/uploads/2013/04/Consolidation-of-Discrimination-legislation.pdf