Page 22 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเรื่องการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 22

1



                                                         บทที่ 1



                                                          บทนํา



               1.1 หลักการและเหตุผล
                       เมื่อป 2527 ประเทศไทยไดตรวจพบผูปวยเอดสรายแรก หลังจากนั้นจํานวนผูปวยเอดสและผูติดเชื้อ

               เอชไอวี ก็ปรากฏตอสังคมเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนถึงปจจุบัน จากขอมูลสํานักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
               กระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 รายงานวา ประเทศไทยมีจํานวนผูปวยเอดสและผูติดเชื้อ
               เอชไอวี ตั้งแต พ.ศ.2527 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 เปนจํานวนทั้งสิ้น 376,690 ราย และเสียชีวิต
               98,721 ราย โดยกลุมอายุของผูปวยและผูติดเชื้อที่พบมากที่สุดเปนกลุมคนวัยทํางานที่มีอายุ 30–34 ป

               รอยละ 24.97 รองลงมาอายุ 25–29 ป และ 35–39 ป รอยละ 21.73 และ 18.19 ตามลําดับ โดยสวนใหญ
               ประกอบอาชีพ รับจางทั่วไป รอยละ 45.48 รองลงมาเปนเกษตรกรรม และผูวางงาน รอยละ 19.49 และ
               6.06 ตามลําดับ ซึ่งจากสถิติดังกลาวพบวา ผูติดเชื้อเอชไอวีสวนใหญมีอายุระหวาง 20–44 ป และเปนวัย

               แรงงานที่สําคัญของประเทศ
                       สถานการณการแพรระบาดของเชื้อเอชไอวีในระยะแรก สังคมมีความตระหนก หวาดกลัว เนื่องจาก
               คนในสังคมยังขาดความรู ความเขาใจ และขอเท็จจริงเกี่ยวกับโรคที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี ดังนั้น ภาครัฐ
               ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม จึงมีความพยายามรณรงคเพื่อประชาสัมพันธเผยแพรใหประชาชนทั่วไปมี
               ความรูความเขาใจเกี่ยวกับเอดสอยางแพรหลาย โดยเนนกลุมที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง เชน ผูซื้อบริการทางเพศ

               กลุมชายรักชาย และกลุมผูติดยาเสพติดซึ่งใชเข็มฉีดยารวมกัน นอกจากนี้ ประชาชนทั่วไปยังมีทัศนคติใน
               เชิงลบตอผูติดเชื้อเอชไอวี โดยมองวาผูติดเชื้อเอชไอวีเปนผูมีพฤติกรรมทางเพศไมเหมาะสม หรือเปนผูติด
               ยาเสพติด จนทําใหภาพลักษณของผูติดเชื้อคือคนเลว คนไมดี และเปนที่นารังเกียจของสังคม ทําใหการใช

               ชีวิตประจําวันของผูติดเชื้อเอชไอวีเปนไปอยางยากลําบาก ทั้งในเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต สภาวะความ
               เปนอยู หนาที่การงาน สถานภาพทางสังคม ถูกรังเกียจ เหยียดหยาม ถูกแบงแยกออกจากคนในสังคม เพราะ
               หากทราบวาผูใดติดเชื้อเอชไอวี ก็มักจะแสดงทาทีรังเกียจ ไมยอมรับ หรือถูกบีบบังคับออกจากงาน มีผลทําให
               ผูติดเชื้อไมกลาเปดเผยตนเองตอสังคม ไมกลาไปพบแพทยเพื่อรักษาตัว และไมกลาขอคําปรึกษาแนะนําจาก

               ผูเชี่ยวชาญ เพราะเกรงวาจะถูกครอบครัว เพื่อนบาน เพื่อนรวมงาน นายจางและผูเกี่ยวของรังเกียจ รวมทั้ง
               อาจมีผลกระทบตอผูใกลชิด เชน คูสมรสและบุตร เปนตน ทําใหกลุมบุคคลดังกลาวถูกเลือกปฏิบัติในดาน
               ตางๆ ดังนี้
                       (1) ดานสวัสดิการและการใหบริการทางสังคม เชน การเขาถึงบริการสาธารณสุข การเขาถึงยาตาน

                          ไวรัส เปนตน
                       (2) ดานการศึกษา เชน โรงเรียนปฏิเสธไมรับเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีเขาเรียนในโรงเรียน ถูกชุมชน
                          คัดคานไมใหเขาเรียน ถูกบังคับใหออกและหยุดเรียนเมื่อติดเชื้อเอชไอวี ถูกแยกหองเรียน/ถูก
                          เลือกปฏิบัติ เปนตน

                       (3) ดานการทํางาน เชน หนวยงานหรือบริษัทบังคับตรวจเอดสกอนรับเขาทํางาน/ขณะทํางาน ถูก
                          ปฏิเสธไมรับเขาทํางาน ถูกเลิกจางหรือบีบบังคับใหออกจากงานเมื่อติดเชื้อเอชไอวี เปนตน
                       (4) ดานสังคม เชน ใหแสดงผลการตรวจเอดสกอนบวชพระ ไมรับประกันชีวิตผูติดเชื้อเอชไอวี ถูกกีด
                          กันไมใหเปนสมาชิกฌาปนกิจ ไมมีสิทธิกูยืมเงินกองทุนหมูบาน เปนตน
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27