Page 51 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 51
๔๒
รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”
ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (กองก าลังผาเมือง)
ผู้แทนกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ด้านการปฏิบัติการทางด้านทหารไม่มีปัญหาเรื่องผู้หลบหนีภัย
คือสามารถด าเนินการได้ตามระเบียบ และตามนโยบายของกองทัพบก ช่องทางชายแดนก็มีการผ่อนผัน
ตามหลักมนุษยธรรมอยู่แล้ว คือ เด็กทางฝั่งพม่ามาเรียนก็ให้ข้ามได้เฉพาะช่องทางที่ควบคุมได้ ก็จะมีการ
ลงทะเบียนใครข้ามเข้ามากี่โมง และกลับออกไปกี่โมง เก็บข้อมูลส่วนนี้อยู่แล้วในช่องทางที่กองทัพบก
มีก าลังไปดูแล และตรวจสอบได้ ส่วนช่องอื่นที่ไม่มีก็จะพยายามใช้มาตรการทางทหารไม่ให้มีการข้าม
ชายแดนเข้ามา
ปัญหาหลักจะเป็นเรื่องของแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายมากกว่าผู้ลี้ภัย เพราะว่าแรงงานต่าง
ด้าวจะเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย คือ ไม่เข้าช่องทางที่ก าหนดไว้ ตามนโยบายที่มีข้อตกลงระหว่างรัฐบาล
เมียนมาร์ กับชนกลุ่มน้อย ถ้าในทางปกติก็จะดูดีส าหรับผู้ลี้ภัย คือ ไม่มีการสู้รบตามพื้นที่แนวชายแดน แต่
ก็จะท าให้ผู้ลี้ภัยไม่ข้ามฝั่งมาทางนี้มากนัก
ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เรื่องผู้ลี้ภัยไม่มีนโยบาย
และภารกิจโดยตรง แต่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างถ้าเข้ามาเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ หรือผู้ด้อยโอกาสมีข้อ
ผ่อนผันพอสมควร เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยงานราชการให้ดูแลไม่ว่าจะเป็นเด็ก สตรี คนชรา หรือว่า
กลุ่มผู้ด้อยโอกาสจะมาจากหนีภัย หรือไม่หนีภัยก็ตาม ก็มีข้อยืดหยุ่นพอสมควร คือ ให้การดูแลตามหลัก
มนุษยธรรม และโดยตามหลักการของ พรราชบัญญัติคุ้มครองเด็กต้องให้การคุ้มครองเด็กทุกคนบนพื้น
แผ่นดินไทยอยู่แล้ว
๓.๓ ความคิดเห็นของนักวิชาการ
ดร.เดชา ตั้งสีฟ้ า อาจารย์ประจ าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในเวทีสัมมนา
นโยบายเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ว่า ข้อแรกต้องการทบทวน และตรวจสอบความเห็นร่วมกัน
ก่อนว่า “ท าไมเรามานั่งอยู่ห้องนี้ร่วมกัน” และข้อสอง คือ “ความสมดุลของหลักสิทธิมนุษยชนสากลกับ
ความมั่นคงของรัฐไทยในระยะยาว”