Page 46 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 46
๓๗
รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”
๓.๒ บทบาทของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ดังกล่าว ท าให้หน่วยงานรัฐด้านความมั่นคงต้องเข้าไปมี
บทบาทในการแก้ไขปัญหาของผู้หนีภัยสงคราม ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจว่า แต่ละหน่วยงานมีนโยบายต่อ
ผู้หนีภัยจากการสู้รบอย่างไร และบทบาทของแต่ละหน่วยงานในพื้นที่เป็นอย่างไร เป็นไปตามหลักสากลที่
พึงปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยหรือไม่ จึงมีการจัดเวทีสัมมนานโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า
: กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ ห้อง ๗๐๙ ส านักงานคณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อาคารศูนย์ราชการ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกล่าวถึงนโยบายและบทบาทของ
หน่วยงาน ดังนี้
ผู้แทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ผู้แทนสภาความมั่นคงแห่งชาติกล่าวว่า เรื่องการสู้รบในพม่าประเทศไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ
ปัญหา แต่ต้องมาแบกรับภาระในการช่วยเหลือดูแลผู้ลี้ภัย ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องและยั่งยืน คือ การ
แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ประเทศต้นทางต้องมีเสถียรภาพทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้ผู้ลี้ภัยสามารถ
เดินทางกลับประเทศของตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี กล่าวคือ ผู้ลี้ภัยจากประเทศเมียนมาร์ตั้งแต่ พ.ศ.
๒๕๒๗ เป็นต้นมา รัฐบาลทหารพม่าได้ปฏิบัติการปราบปรามชนกลุ่มน้อยท าให้บุคคลสัญชาติพม่าอพยพ
หลบหนีเข้ามาในบริเวณชายแดนไทย-พม่าทางทิศตะวันตก ซึ่งรัฐบาลไทยก็มีนโยบายผ่อนปรนให้บุคคล
เหล่านี้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยการสู้รบจากพม่า คือ ให้อาศัยอยู่ชั่วคราวตามหลักมนุษยธรรม และให้กลับสู่
มาตุภูมิเมื่อสถานการณ์เอื้ออ านวย หรือภายในประเทศนั้นมีความสงบ โดยประเทศไทยได้ให้พักพิงอยู่ใน
พื้นที่ชั่วคราวชายแดนไทย – พม่า ๙ พื้นที่ ๔ จังหวัด (แม่ฮ่องสอน ตาก ราชบุรี และกาญจนบุรี)ทางกลุ่ม
การปกครอง และส านักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้มีการส ารวจจัดท า
ทะเบียนในพื้นที่พักพิง ขณะเดียวกันทางการไทยก็ได้มีแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้ คือ
๑) การควบคุมดูแลผู้ลี้ภัยให้อยู่ในพื้นที่ที่ทางการไทยก าหนด
๒) แบ่งเบาภาระของทางการไทยให้ประเทศที่ ๓ ไปตั้งถิ่นฐาน
ส าหรับการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ คือ กลุ่มบุคคลสัญชาติพม่าที่ลี้ภัยจากการสู้รบถ้าจะเข้าพื้นที่พัก
พิงได้จะต้องผ่านการกลั่นกรองพิจารณาระดับจังหวัด ส่วนการช่วยเหลือได้ให้องค์กรเอกชนผ่าน