Page 105 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 105
๙๖
รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”
เทียมกัน ขณะนี้ประชาชนยังไม่ยอมรับรัฐบาลของนายพลเต็งเส่ง และกองทัพ เพราะมีความสงสัยอยู่ ๓
ข้อ คือ หนึ่ง รัฐบาลเต็งเส่ง ยังปราบปรามชนกลุ่มน้อยอยู่ เช่นกรณีโจมตีคะฉิ่น รัฐบาลของนายพลเต็งเส่ง
เจรจาเฉพาะกับกองทัพกะเหรี่ยง ทั้งพุทธและคริสต์ และกองทัพไทใหญ่เท่านั้น แต่กับคะฉิ่นกลับนํา
กองทัพบุกหนัก สอง รัฐบาลทหารพม่า อยากจะเป็นประธานอาเซียน จึงพยายามสร้างภาพให้อาเซียน
เชื่อว่า พม่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว และสาม ภาคประชาสังคมของพม่ายังไม่มี ยังไม่เข้มแข็ง ยัง
เคลื่อนไหวแบบลับ ๆ ประกอบกับสื่อมวลชนก็ยังไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ อีกทั้งนักโทษ
การเมืองจํานวนกว่า ๖๐๐ คน ก็ยังถูกขังอยู่ จึงเป็นข้อสงสัยที่ยังไม่ยอมรับแนวทางของรัฐบาล การปล่อย
นักโทษการเมืองอย่างนางอองซานซูจี และนักโทษคนอื่น ๆ ออกมา แต่ผู้นําพรรคไทใหญ่กลับไม่ปล่อย
และนักโทษการเมืองคนอื่น ๆ ก็ไม่ปล่อย หมายความว่าอย่างไร”
“กรณีพรรค NLD เองที่เลือกเข้าไปจดทะเบียนอีกครั้งก็เสี่ยงมาก ถูกสงสัยจากสมาชิกพรรค
อีกอย่างหนึ่ง ยังมีกลุ่มอิสระอื่น ๆ อีกมาก ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย”
นาย โซ อ่อง (Soe Aung) อดีตแกนนํานักศึกษาในเหตุการณ์ ค.ศ.๑๙๘๘ และผู้ประสานงาน
ฝ่ายต่างประเทศของ Forum For Democracy in Burma ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์ความ
รุนแรงเมื่อ ค.ศ.๑๙๘๘ มีทั้งสมาชิกสามัญชนและสมาชิกในระดับองค์กร ได้แสดงจุดยืนของตนว่า หาก
รัฐบาลทหารพม่าต้องการประชาธิปไตย ก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ปิดกั้นประชาธิปไตยและปล่อยนักโทษ
การเมืองทั้งหมด
“แนวทางที่เราเรียกร้องในตอนนั้นคือยืนอยู่บนแนวทางสันติวิธี เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
เราไม่ใช้ความรุนแรงเลย แต่พอหลังวันที่ ๑๘ กันยายน ค.ศ. ๑๙๘๘ ที่เราถูกปราบปราม เราก็เลยจับปืน
ลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพ มาเร่ร่อนอยู่กับชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มปะโอ ซึ่งก็มีเพื่อนนักศึกษา
ปัญญาชนหนีเข้าป่ามาจับปืนมากมายเลยในตอนนั้น เราแต่งตั้งกลุ่มนักศึกษา ABSDF (All Burma
Student’s Democratic Front) หรือแนวร่วมนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยในพม่า เราติดอาวุธต่อสู้กับ
รัฐบาล ผมอยู่ฝ่ายต่างประเทศมาตั้งแต่นั้น เนื่องจากผมเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น ทั้งไท
ใหญ่ ปะโอ เราตั้งค่ายไปตลอดแนวชายแดนไทยพม่า จากนั้นก็มาอยู่ที่ ABSDF เนื่องจากมีความสามารถ
ในการประชาสัมพันธ์ด้วย อุดมการณ์ของเราในยุคนั้น มี ๒ แนวคือ ต้องใช้อาวุธ กับ ต้องสันติวิธีผ่าน
การเมือง ต่อมาก็เลยแตกอุดมการณ์ เราเลือกแนวทางการเมืองเพราะว่าประชาคมโลกเริ่มไม่ยอมรับการ