Page 79 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 79

๗๕





                                     ข. คําสั่งของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดําที่ ๑๖๐๕/๒๕๕๑ (นายดนัย ดั่งคุณธรรม
                       กับพวก ผูฟองคดี)

                                     คดีนี้ผูฟองคดีฟองวา การที่ผูถูกฟองคดีทั้งใชอํานาจทางปกครองและกําลังทาง

                       กายภาพเขาสลายการชุมนุมบริเวณรอบรัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงมาโดยมิไดมีการประกาศแจง
                       เตือนกอนการเขาสลาย อีกทั้งใชวัตถุระเบิดหรืออาวุธสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากแกสน้ําตาเพื่อสลายการ

                       ชุมนุมจนเปนเหตุใหผูฟองคดีทั้งหกและประชาชนที่เขารวมการชุมนุมไดรับบาดเจ็บ เปนการกระทําที่

                       ไมชอบดวยกฎหมายและเปนละเมิดตอสิทธิเสรีภาพและชีวิตรางกายของผูฟองคดีทั้งหก นอกจากนี้ยัง
                       เปนการกระทําที่ขัดตอหลักสิทธิมนุษยชน มิไดเปนการบริหารบานเมืองโดยหลักนิติธรรมตาม

                       มาตรา ๓ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐

                                     ศาลพิเคราะหแลวเห็นวา ผูเขารวมชุมนุมและผูฟองคดีแตละคนมีวัตถุประสงคใน
                       การเขารวมชุมนุมที่แตกตางกัน จึงไมอาจถือไดวาผูเขารวมชุมนุมมีการกระทําอันเปนการฝาฝนตอ

                       กฎหมายอันเปนความผิดตองไดรับโทษทางอาญา ประกอบกับการกระทําของเจาหนาที่ตํารวจในวันที่
                       ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ มีวัตถุประสงคเพื่อมุงคุมครองใหสมาชิกรัฐสภาเขาไปประชุมในรัฐสภา และ

                       คณะรัฐมนตรีสามารถเขาไปแถลงนโยบายตอรัฐสภาได จึงเห็นวาไมมีเจตนาที่จะใชอํานาจของตนตาม

                       ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแตอยางใด การกระทําของเจาหนาที่ตํารวจจึงเปนการ
                       กระทําทางปกครองซึ่งอยูในอํานาจของศาลปกครองที่จะรับไวพิจารณาพิพากษาไดตามมาตรา ๙

                       วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
                       สวนการที่ผูเขารวมชุมนุมบริเวณหนารัฐสภาปดลอมประตูเพื่อมิใหสมาชิกรัฐสภาเขาออกบริเวณ

                       รัฐสภา และใชรั้วลวดหนาม ยางรถยนตราดน้ํามันขวางกั้นถนนไว เปนการกระทําที่มีลักษณะทําให

                       ผูอื่นกลัววาจะเกิดอันตรายตอชีวิต รางกาย เสรีภาพจนไมกลาที่จะเขาไปในรัฐสภา หรือออกจาก
                       รัฐสภาอันเปนการกระทบตอสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น จึงมิใชการชุมนุมโดยสงบอันจะไดรับ

                       ความคุมครองตามมาตรา ๖๓ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ เจาหนาที่ตํารวจ

                       จึงมีอํานาจหนาที่ที่จะสลายการชุมนุมเพื่อแกปญหาการกระทําของผูเขารวมชุมนุมได อยางไรก็ดี
                       การสลายการชุมนุมจะตองกระทําเทาที่จําเปน โดยคํานึงถึงความเหมาะสม มีลําดับขั้นตอน

                       ตามหลักสากลที่ใชในการสลายการชุมนุมของประชาชน เจาหนาที่ตํารวจจึงไมอาจใชอํานาจตาม
                       อําเภอใจได จึงมีคําสั่งกําหนดมาตรการหรือวิธีการคุมครองชั่วคราวใหผูฟองคดีทั้งหก โดยมีคําสั่งให

                       ผูถูกฟองคดีที่ ๓ (สํานักงานตํารวจแหงชาติ) หากจะกระทําการใดๆ ตอผูเขารวมชุมนุมตองดําเนินการ

                       เทาที่จําเปน โดยคํานึงถึงความเหมาะสม มีลําดับขั้นตอนตามหลักสากลที่ใชในการสลายการชุมนุม
                       ใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ) ปฏิบัติหนาที่ตามคําสั่งศาล ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑

                       (นายกรัฐมนตรี) ดําเนินการใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ ปฏิบัติตามคําสั่งศาลจนกวาจะมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
                       เปนอยางอื่น
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84