Page 75 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 75
๗๑
สิทธิและเสรีภาพกับภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและตางประเทศ รวมทั้งติดตามและประเมินการ
๑๑๗
ดําเนินการดานคุมครองสิทธิและเสรีภาพ เปนตน
(๒.๒.๕.๓) องคกรในฝายตุลาการ
สําหรับการพิจารณาองคกรในฝายตุลาการที่ทําหนาที่คุมครองสิทธิและเสรีภาพแก
ประชาชนนั้นอาจแยกพิจารณาออกเปน การคุมครองสิทธิและเสรีภาพโดยศาลยุติธรรม การคุมครอง
สิทธิและเสรีภาพโดยศาลปกครอง และการคุมครองสิทธิและเสรีภาพโดยศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้
๑) การคุมครองสิทธิและเสรีภาพโดยศาลยุติธรรม
ในมาตรา ๒๑๘ ของรัฐธรรมนูญไดกําหนดเขตอํานาจของศาลยุติธรรมไวโดยบัญญัติ
วา “ศาลยุติธรรมมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เวนแตคดีที่รัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายบัญญัติ
ใหอยูในอํานาจศาลอื่น” ประกอบกับมาตรา ๒๘ วรรคสองของรัฐธรรมนูญ บัญญัติวา “ บุคคลซึ่งถูก
ละเมิดสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไวสามารถยกบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใชสิทธิ
ทางศาลหรือยกขึ้นเปนขอตอสูคดีในศาลได” จากบทบัญญัติสองมาตรานี้แสดงถึงเขตอํานาจของศาล
ยุติธรรมในการทําหนาที่ตัดสินคดี กรณีที่บุคคลผูถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพยกขึ้นตอสูในคดีทั่วไปที่
มิไดอยูในเขตอํานาจของศาลอื่นอันไดแก ศาลปกครอง ศาลทหาร และศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเกิดกรณี
ขอพิพาทจนมีการฟองรองคดีมายังศาลยุติธรรมและคูความไดยกบทบัญญัติในเรื่องสิทธิและเสรีภาพที่
รัฐธรรมนูญรับรองขึ้นเปนขอตอสู ศาลยุติธรรมยอมมีหนาที่ในการนําบทบัญญัติแหงกฎหมายในเรื่อง
ดังกลาวมาใชในการตัดสินขอเท็จจริงวามีกรณีการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของคูความเกิดขึ้นหรือไม
นอกจากนี้แลว ในกรณีที่บทบัญญัติแหงกฎหมายที่ศาลใชในการตัดสินคดีมีลักษณะ
ตองดวยบทบัญญัติมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญ กรณีนี้หากศาลเห็นเองหรือคูความโตแยงวากฎหมาย
ฉบับนั้นขัดหรือแยงกับรัฐธรรมนูญและยังไมเคยมีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในสวนที่เกี่ยวกับ
บทบัญญัตินั้นๆ มากอน ศาลที่กําลังพิจารณาคดีตองรอการพิจารณาพิพากษาคดีไวชั่วคราวแลวอาศัย
อํานาจตามมาตรา ๒๑๑ ของรัฐธรรมนูญ สงความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตัดสินวาบทบัญญัติ
ของกฎหมายดังกลาวขัดหรือแยงกับรัฐธรรมนูญหรือไม กรณีนี้จึงหมายความรวมถึงกรณีที่บทบัญญัติ
แหงกฎหมายขัดหรือแยงกับสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไวดวยเชนกัน
ตัวอยางเชน คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๖๙๙ - ๓๗๓๙/๒๕๔๑ ซึ่งเปนกรณีที่ศาลฎีกา
หยิบยกบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพตามมาตรา ๓๘ ของรัฐธรรมนูญ ใชตัดสินในคดีโดยตรง
ซึ่งมีประเด็นวา การใชสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของสมณะพิสุทโธเปนการใชสิทธิเสรีภาพที่ขัด
ตอกฎหมายหรือไม โดยศาลฎีกาตัดสินวา “แมรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐
มาตรา ๓๘ จะบัญญัติให บุคคลยอมมีเสรีภาพบริบูรณในการนับถือศาสนา มีเสรีภาพในการปฏิบัติ
๑๑๗
กุลพล พลวัน, สิทธิมนุษยชนในสังคมโลก, (กรุงเทพฯ : สํานักพิมพนิติธรรม, ๒๕๔๗), น. ๑๙๖-๑๙๙.

