Page 23 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 23

๑๙





                                      ๕๑
                       กฎหมายธรรมชาติ  และเปนหนาที่ของฝายบานเมืองในการบัญญัติกฎหมายใหสอดคลองและไมขัด
                       หรือแยงกับกฎหมายธรรมชาติ

                                     ๔. มนุษยทุกคนสามารถเขาถึงและหยั่งรูกฎหมายธรรมชาติไดดวยเหตุผลและ

                       สติปญญาที่มีอยูในตัวมนุษยและทุกคนตองปฏิบัติตามกฎหมายดังกลาว คือ เนื่องจากกฎหมายธรรมชาติ
                       เปนสิ่งที่มีอยูในใจของมนุษยทุกคน มนุษยจึงสามารถหยั่งรูและคนพบไดวาอะไรคือกฎเกณฑที่เปน

                       กฎหมายธรรมชาติ โดยที่ไมตองไปศึกษาคนควาหรือสอบถามใคร โดยอาศัยเหตุผลและสติปญญาที่มี

                       อยูในตัวมนุษยในการหยั่งรูและคนหากฎหมายดังกลาว
                                     (๑.๑.๒.๒) แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิธรรมชาติ

                                     แนวคิดเรื่อง “สิทธิธรรมชาติ” (Natural Rights) เปนแนวคิดระยะเริ่มตนของแนวคิด

                       เรื่องสิทธิมนุษยชนในสมัยปจจุบันและเปนแนวคิดที่สืบเนื่องมาจากแนวคิดเรื่องกฎหมายธรรมชาติที่
                       เชื่อในความมีเหตุผลในธรรมชาติ ความมีเหตุผลของมนุษยและเชื่อวาเหตุผลของมนุษยเปนสวนหนึ่ง

                       ของเหตุผลในธรรมชาติ และนักปรัชญากฎหมายธรรมชาติใหความสําคัญกับสิทธิธรรมชาติเปนอยางมาก
                       ในฐานะเปนแนวคิดที่เกี่ยวของกับแนวคิดเรื่องกฎหมายธรรมชาติอยางยิ่ง

                                                                                   ๕๒
                                     เริ่มตนที่นักคิดกลุม Stoics นักคิดในสมัยกรีก อธิบายวา  เมื่อจักรวาลถูกกํากับอยู
                       ดวยเหตุผลและโดยที่มนุษยเปนสวนหนึ่งของจักรวาล มนุษยทุกคนในทุกหนทุกแหงจึงยอมอยูภายใต
                       บังคับหรือในกํากับแหงกฎแหงเหตุผลหรือกฎหมายธรรมชาติอยางเดียวกัน และมนุษยในฐานะที่ตางมี

                       เหตุผลและรูผิดชอบชั่วดีเหมือนๆ กัน มนุษยทุกคนจึงมีความเสมอภาคเทาเทียมกันในสภาวะ
                       ธรรมชาติ การแบงแยกคนออกเปนเชื้อชาติวาเปนกรีกสวนหนึ่ง สวนชาติอื่นเปนคนปา สวนหนึ่ง

                       เปนนายอีกสวนหนึ่งเปนทาส จึงเปนสิ่งที่ไมถูกตองตามหลักกฎหมายธรรมชาติ และในความเสมอภาค

                       เทาเทียมกันของมนุษยทุกคนโดยไมแบงแยกเชื้อชาติ เผาพันธุ หรือศาสนาดังกลาว  นักคิดกลุม
                       Stoics อธิบายวามนุษยทุกคนตางมีสิทธิอยางหนึ่งเหมือนกันที่เรียกวา “สิทธิธรรมชาติ” อันเปนสิทธิ

                       ที่ตกอยูกับบุคคลทุกคนและตลอดไป ไมใชสิทธิสําหรับประชาชนกลุมใดกลุมหนึ่งโดยเฉพาะ แตเปน
                                                                                        ๕๓
                       สิทธิที่มนุษยทุกคนทุกสถานที่ตางไดรับ ทั้งนี้ โดยเหตุที่วาเขาเหลานั้นเปนมนุษย
                                     ตอมา แนวคิดเรื่องสิทธิธรรมชาติไดปรากฏชัดในแนวคิดของ John Locke  นักคิด

                       ในสมัยใหม ในรูปของทฤษฎีสิทธิธรรมชาติ โดย Locke  ไดพัฒนาทฤษฎีนี้ขึ้นมาเพื่อเปนอาวุธทาง
                                                                               ๕๔
                       ความคิดในการตอสูทางการเมืองและลมลางอํานาจกษัตริยอังกฤษ  โดย Locke ไดเสนอแนวคิด
                                                                       ๕๕
                       เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษยในสภาวะธรรมชาติไววา  มนุษยในสภาวะธรรมชาติมีเสรีภาพ

                              ๕๑  เพิ่งอาง, น. ๑๐๘

                              ๕๒
                                ปรีดี  เกษมทรัพย, อางแลว เชิงอรรถที่ ๔๐, น. ๑๒๓.
                              ๕๓
                                กุลพล  พลวัน, สิทธิมนุษยชนในสังคมโลก, ( กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพนิติธรรม, ๒๕๔๗), น. ๘.
                              ๕๔
                                จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ ๗, น. ๑๑๐.
                              ๕๕
                                ปรีดี  เกษมทรัพย, อางแลว เชิงอรรถที่ ๔๐, น. ๒๐๘ – ๒๐๙.
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28