Page 85 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 85

วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๓  คณะรัฐมนตรีได้อาศัยอำานาจตามความใน

                     พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  พ.ศ. ๒๕๕๑  มีมติให้เขตพื้นที่
                     กรุงเทพมหานคร  และจังหวัดใกล้เคียงเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายใน

                     ราชอาณาจักร  พร้อมกับจัดตั้งศูนย์อำานวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)

                                          ต่อมา วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓  เมื่อกลุ่ม นปช. ได้ไปที่อาคารรัฐสภา
                     จนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเข้า - ออกรัฐสภา ได้มีการทำาร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความ

                     ปลอดภัยของรัฐสภาจนได้รับบาดเจ็บ  รวมทั้งกลุ่ม นปช. ได้ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
                     บางคนทำาการตรวจค้นรัฐสภาเพื่อค้นหานายสุเทพ  เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

                     รวมทั้งการบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการและกระทำาต่อทรัพย์สินของผู้อื่น  นายกรัฐมนตรีโดย
                     ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี  จึงได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำาหนดการ

                     บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘  เพื่อควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองให้สงบ
                     แม้กระนั้นก็ยังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงตามมาในหลายกรณีที่มีการใช้กำาลังและการใช้อาวุธ

                     ของทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐที่เข้าควบคุมสถานการณ์การชุมนุม เช่น เหตุการณ์วันที่
                     ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว เป็นต้น

                                          จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น  จะเห็นได้ว่า  การดูแลการชุมนุมใน
                     สถานการณ์ปกติจะใช้กฎหมายที่มีอยู่เพื่อใช้ในการดูแลและอำานวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุม

                     แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ  หากรัฐเลือกที่จะใช้มาตรการตามกฎหมายพิเศษ เช่น พระราชบัญญัติ

                     การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  พ.ศ. ๒๕๕๑  หรือการประกาศใช้พระราชกำาหนดการ
                     บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่มีวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้กับสถานการณ์
                     พิเศษที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ  สาระสำาคัญของกฎหมายเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อ

                     สิทธิและเสรีภาพของบุคคลในบางประการ  การนำากฎหมายพิเศษมาประกาศใช้ต้องกระทำาตาม

                     หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายให้อำานาจไว้  และเท่าที่จำาเป็นต่อสถานการณ์กับการชุมนุมที่
                     ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ  ซึ่งที่ผ่านมาการประกาศใช้กฎหมายพิเศษยังมีความ
                     เข้าใจไม่ตรงกันระหว่างผู้ดูแลการชุมนุมกับผู้ชุมนุม  มีผลเป็นการสร้างความกดดัน ความตึงเครียด

                     ความหวาดระแวงและความไม่ไว้วางใจกับกลุ่มผู้ชุมนุม และเป็นสาเหตุหนึ่งที่เร่งให้สถานการณ์

                     การชุมนุมของฝูงชนบานปลายไปสู่การใช้ความรุนแรงและก่อให้เกิดความสูญเสียได้  ดังเช่น
                     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา

                                          การกำาหนดมาตรการในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง  และการเลือกใช้
                     กฎหมายในการดูแลการชุมนุม  พึงต้องระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้น  ทั้งทางตรงและทางอ้อม

                     ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว  รวมทั้งต้องประเมินถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนกลุ่มต่างๆ
                     นอกเหนือจากผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย  และหากเลือกที่จะใช้กฎหมายพิเศษ  หลังจาก

                     ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแล้ว  รัฐจำาเป็นต้องกำาหนดมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผล




                                                            83
                                                รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
                                   กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90