Page 80 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 80
ชัดเจนว่า ในระยะต้น แกนนำาสามารถใช้ยุทธวิธีควบคุมฝูงชน แต่ในระยะหลัง มีการแยกกัน
ดำาเนินงานและขยายพื้นที่ชุมนุม จนกระทั่งแกนนำาไม่สามารถควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์
หรืออุดมการณ์ที่มีตั้งแต่แรกร่วมกันได้ เป็นเหตุให้รัฐบาลใช้เป็นเหตุผลหรือข้ออ้างในการใช้กำาลัง
เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าควบคุมสถานการณ์ในเวลาต่อมา
หลังเหตุการณ์ วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ เกิดการแยกตัวของแกนนำา
และจากการที่กลุ่ม นปช. สามารถระดมกำาลังคนได้เป็นจำานวนมาก การจัดการชุมนุมที่มีขนาดใหญ่
โดยมีแกนนำาหลายคน จึงขาดการวางแผนที่รัดกุม ขาดอุดมการณ์ และเป้าประสงค์ที่ชัดเจน
ร่วมกัน ทำาให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนตัวของผู้ชุมนุมได้อย่างรัดกุมทุกขั้นตอน ทำาให้
การชุมนุมกลายเป็นการจลาจลในที่สุด และสุดท้ายแกนนำาได้แยกเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่มอย่าง
ชัดเจน โดยมีแกนนำาบางคนได้ถอนตัวในระหว่างการชุมนุม แสดงให้เห็นถึงความเห็นต่างและ
ความรับผิดชอบของแกนนำาเมื่อสถานการณ์วิกฤติจนความรุนแรงเกิดขึ้น แกนนำาต้องตัดสินใจยุติ
การชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
หลักการของการใช้เสรีภาพในการชุมนุม นอกจากจะบัญญัติไว้ใน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ แล้ว ยังปรากฏอยู่ในกติการะหว่าง
ประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อันเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทย
เป็นภาคี และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรืออนุวัตรกฎหมายภายในให้สอดคล้องกับ ข้อ ๒๑ ที่กำาหนดว่า
สิทธิในการชุมนุมโดยสงบย่อมได้รับการรับรอง การจำากัดการใช้สิทธินี้จะกระทำามิได้ นอกจาก
จะกำาหนดโดยกฎหมายและเพียงเท่าที่จำาเป็นสำาหรับสังคมประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์แห่ง
ความมั่นคงของชาติ หรือความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย การสาธารณสุข หรือศีลธรรมของ
ประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งจะพบว่า หลักการที่รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มีลักษณะสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศ
กล่าวคือ การชุมนุมต้องเป็นไปด้วยความสงบ และต้องไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
นอกจากนี้ การชุมนุมยังเป็นเสรีภาพที่สามารถจำากัดได้โดยอาศัยอำานาจของรัฐ ผ่านบทบัญญัติ
ของกฎหมายและเท่าที่จำาเป็นเท่านั้น
(๒) ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องมีหน้าที่ร่วมกัน ทำาให้การชุมนุมเป็นไป
โดยสงบและปราศจากอาวุธ ยึดแนวทางสันติวิธีและเจรจาไกล่เกลี่ย
ไม่ปลุกระดม อีกทั้งการชุมนุมนั้นต้องปราศจากอาวุธหรือสิ่งเทียมอาวุธ
ทุกชนิดในพื้นที่การชุมนุม รวมถึง ไม่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์หรือยั่วยุ
ให้เกิดความรุนแรงทุกประเภท
บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
มาตรา ๖๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจาก
อาวุธ” เมื่อนำาไปพิจารณาประกอบกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิ
78
รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓