Page 57 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 57
ประกอบกับข้อกำาหนดตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ข้อ ๒๑ ได้กำาหนดหลักเกณฑ์ของการจำากัดเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธไว้
โดยสรุปว่า การจำากัดเสรีภาพในการชุมนุมจะกระทำามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไปและไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใด
บุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจงในการชุมนุมสาธารณะ และต้องเป็นไปเพื่อคุ้มครองความสะดวก
ของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่
ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศกฎอัยการศึก
โดยการจำากัดเสรีภาพดังกล่าวต้องกระทำาเท่าที่จำาเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำาคัญแห่ง
เสรีภาพนั้นมิได้
จากข้อเท็จจริงปรากฏว่า รัฐบาลได้ใช้อำานาจในการประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉินตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตั้งแต่วันที่
๗ เมษายน ๒๕๕๓ ซึ่งหลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำาหนดตามกฎหมายดังกล่าว
มีผลทำาให้การใช้เสรีภาพในการชุมนุมถูกกระทบและจำากัดขอบเขตลง เนื่องจากข้อบัญญัติตาม
ข้อกำาหนดมีผลเป็นการห้ามบุคคลในการใช้สิทธิและเสรีภาพบางประการ เช่น ห้ามมิให้มีการชุมนุม
ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม ห้ามออกนอกเคหสถาน เป็นต้น การดำาเนินการดังกล่าวจึงเป็น
การจำากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ แต่เนื่องจากการกระทำาของรัฐบาล
ได้ใช้ดุลยพินิจเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และเพื่อรักษาความ
เรียบร้อยในระหว่างที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเป็นข้อยกเว้นที่จะจำากัดการใช้สิทธิและ
เสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญกำาหนดไว้
สำาหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๓ การที่รัฐบาลโดย
ศอฉ. ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำารวจเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อป้องกันมิให้
เกิดการกระทำาที่เป็นการจงใจละเมิดกฎหมาย และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไปใน
การใช้พื้นที่สาธารณะและเส้นทางคมนาคม เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๓
โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำารวจได้วางกำาลังสกัดกั้นขบวนของกลุ่ม นปช. บนถนนวิภาวดีรังสิต
ขาออก บริเวณด้านข้างอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และวางกำาลังควบคุมการคมนาคมโดยรอบพื้นที่
เพื่อป้องกันการเพิ่มเติมกำาลังของกลุ่ม นปช. รวมทั้งควบคุมบริเวณทางขึ้น-ลง และบนทาง
ยกระดับดอนเมืองโทล์เวย์ เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำาลังติดอาวุธใช้ทางยกระดับฯ ยิงอาวุธ หรือ
ใช้ระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานบนถนนวิภาวดีฯ นั้น
แม้ ศอฉ. จะชี้แจงว่า เป็นการกระทำาที่มีกฎหมายให้อำานาจไว้ โดยมีการ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.
๒๕๔๘ และได้มีการออกข้อกำาหนดตามกฎหมายดังกล่าว อันมีผลทำาให้การปฏิบัติหน้าที่ของ
เจ้าหน้าที่ของรัฐในการตั้งด่านสกัดกั้นการเคลื่อนขบวนของกลุ่ม นปช. ในเหตุการณ์นี้ เป็นไปตาม
55
รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓