Page 108 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 108

รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
             82 ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก




                             ๔.๔.๒  ชุมชนมีความเสี่ยงต่ออันตรายจากอุบัติภัยของโรงงานเพิ่มขึ้น โดยที่รัฐบาล

                  ไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันที่รอบคอบไว้ก่อน  เพราะในพื้นที่เหล่านี้มีสถิติของการเกิดอุบัติภัย
                  ของโรงงานบ่อยครั้งและขาดมาตรการฉุกเฉินรองรับอุบัติภัยที่ได้มาตรฐาน เช่น การรั่วไหลของ

                  สารเคมีการลุกไหม้ในพื้นที่โรงงาน รถบรรทุกสารเคมีคว่ำา และมีควันพิษปล่อยออกจากโรงงาน
                  จำานวนมากจากความผิดพลาดของกระบวนการผลิต  ทำาให้ชุมชนดำารงชีพอย่างไม่ปกติและต้อง

                  อยู่ด้วยความหวาดผวา  ดังนั้น เมื่อมีเสียงดังและมีกลุ่มควันที่ผิดปกติ  ชุมชนจะรีบอพยพเด็ก
                  และผู้สูงอายุออกจากที่อยู่อาศัยทันที  ทำาให้ไม่สามารถดำารงชีพให้เป็นปกติได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

                  การเพิ่มขึ้นของโรงงานยังมีผลให้มีโรงงานจำานวนหนึ่งตั้งอยู่ติดชุมชนมากโดยไม่มีพื้นที่กันชน
                  (buffer zone)  รัฐบาลควรกำาหนดระยะห่างของโรงงานจากชุมชนไว้ในระยะที่ปลอดภัย  ทั้งที่ชุมชน

                  อยู่ในเขตที่รัฐประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษตามคำาพิพากษาของศาล  รวมทั้งศาลได้วินิจฉัย
                  ว่า ปัญหาความเสียหายต่อชุมชน คุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพในพื้นที่

                  มาบตาพุดและพื้นที่ต่อเนื่องยังคงมีอยู่และยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นที่ประจักษ์และยอมรับ
                  กันในสังคมไทย

                             ๔.๔.๓  การประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมงของชุมชนได้รับผลกระทบ

                  เนื่องจากโรงงานปล่อยความร้อนสู่บรรยากาศเพิ่มขึ้น  รวมทั้งไอระเหยและฝุ่นละอองของสารเคมี
                  ในอากาศถูกชะโดยน้ำาค้างและน้ำาฝนตกลงบนพืชสวนและพืชไร่  ทำาให้ผลผลิตลดลงและมีลักษณะ

                  ของผลผลิตที่ผิดปกติ ไม่สามารถจำาหน่ายได้   นอกจากนี้ โรงงานยังปล่อยน้ำาทิ้งที่ปนเปื้อนของเสีย
                  ออกสู่สิ่งแวดล้อม  ถึงแม้การปล่อยของเสียของแต่ละโรงงานจะมีการควบคุมไม่ให้สูงเกินมาตรฐาน

                  แต่เมื่อมีการปล่อยของเสียจำานวนมากจากหลายโรงงานลงแหล่งน้ำา พบว่า แหล่งน้ำาธรรมชาติไม่
                  สามารถรองรับปริมาณของเสียที่เพิ่มขึ้นได้  จึงมีปริมาณของเสียที่เป็นสารก่อมะเร็งสะสมอยู่ใน

                  ตะกอนดิน ในลำาคลอง และใต้ทะเลในบางพื้นที่ของเขตควบคุมมลพิษ ทำาให้การประกอบอาชีพของ
                  ชาวประมงชายฝั่งได้รับผลกระทบ


                             ๔.๔.๔  ชุมชนไม่ได้รับทราบข้อมูลของโรงงานที่ครบถ้วน ทำาให้ไม่สามารถวางแผน
                  เฝ้าระวังและป้องกันชุมชนให้ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เพราะโรงงานที่ทำารายงาน

                  EIA โดยไม่ต้องทำารายงาน EIA/HIA นั้น  มีการเปิดเผยข้อมูลของโรงงานน้อยกว่าการทำา EIA/HIA
                  ชุมชนจึงขาดข้อมูลที่สามารถนำาไปใช้ประโยชน์ในด้านการป้องกันผลกระทบจากโรงงาน เช่น ถ้า

                  โรงพยาบาลมีข้อมูลสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ  จะทำาให้สามารถใช้ในการวางแผนรักษา
                  ผู้ป่วยและรองรับอุบัติภัยในมาตรการฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จากรายงานการวิเคราะห์ข้อมูล

                  ที่ปรากฏในเอกสารของเจ้าของโครงการที่จัดทำาขึ้นเพื่อใช้ในขั้นตอนต่างๆ  ในการรับฟังความคิดเห็น
                  ของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในขั้นตอนการศึกษารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

                  พบว่า  จาก ๓๕ โครงการ มีสารก่อมะเร็งกลุ่ม ๑ จำานวน ๑๔ โครงการ  สารก่อมะเร็งกลุ่ม ๒ A
                  จำานวน ๒ โครงการ และสารก่อมะเร็งกลุ่ม ๒ B จำานวน ๕ โครงการ  โดยบางโครงการมีสารก่อมะเร็ง
   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113