Page 113 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 113

ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก 87
                                                               รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ






                     แห่งชาติ  และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  เร่งดำาเนินการออกประกาศกระทรวง

                     ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ ทั้งที่ปัญหาผลกระทบต่อชุมชน
                     จากการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้เกิดผลสำาเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

                                    ในกรณีการประกอบกิจการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ผู้ว่าการ
                     นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย มีอำานาจตามมาตรา ๔๑ และมาตรา

                     ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  พ.ศ. ๒๕๒๒  ในการอนุญาตให้มี

                     การประกอบกิจการ การปลูกสร้างอาคาร การตั้งโรงงาน และการประกอบกิจการโรงงานในนิคม
                     อุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน  กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร
                     และกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มีอำานาจตาม

                     มาตรา ๔๓ ในการสั่งระงับการก่อสร้าง แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือรื้อถอนอาคารหรือส่วนแห่งอาคาร

                     ที่มีการปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต ตามมาตรา ๔๒ หรือในกรณีที่มีการปลูกสร้างอาคารผิดแผก
                     จากแผนผัง แบบก่อสร้างหรือรายการที่ได้รับอนุญาต  หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำาหนดใน
                               ๑๘
                     ใบอนุญาต    ซึ่ง กนอ. จะต้องดำาเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำาหนดไว้ตาม
                     กฎหมายว่าด้วยการนั้น  แต่ในทางปฏิบัติพบว่า ยังคงมีปัญหาในเรื่องการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

                     ในพื้นที่มาบตาพุดจนเกิดผลกระทบต่อสุขภาวะของชุมชนอย่างรุนแรง  ดังที่ปรากฏตามรายงานสรุป
                     สถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี ๒๕๕๓ ของกรมควบคุมมลพิษ ที่ระบุถึงปัญหาการปนเปื้อนของ
                     สารอินทรีย์ระเหยง่าย หรือวีโอซี (VOCs) ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารก่อมะเร็ง ตามที่องค์การนานาชาติเพื่อ

                                                                                      ๑๙
                     การวิจัยเกี่ยวกับมะเร็ง (IARC) ภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) กำาหนดไว้   โดยสารปนเปื้อน






                        พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
                     ๑๘
                          มาตรา ๔๑ บัญญัติว่า “ผู้ใดจะประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้ว่าการ
                        หรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย”
                          การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำาหนด”
                       มาตรา  ๔๒  บัญญัติว่า  “บรรดาการปลูกสร้างอาคาร  การตั้งโรงงาน  และการประกอบกิจการโรงงานในนิคม
                        อุตสาหกรรมให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน  กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร  และ
                        กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง  แต่การอนุญาตซึ่งเป็นอำานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
                        ให้เป็นอำานาจหน้าที่ของผู้ว่าการหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย”
                       มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง  บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีการปลูกสร้างอาคารโดยมิได้รับอนุญาตตามมาตรา ๔๒ หรือ
                        ในกรณีที่มีการปลูกสร้างอาคารผิดแผกจากแผนผัง  แบบก่อสร้างหรือรายการที่ได้รับอนุญาต  หรือไม่ปฏิบัติ
                        ตามเงื่อนไขที่กำาหนดในใบอนุญาต  ให้ กนอ. มีอำานาจสั่งระงับการก่อสร้าง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือรื้อถอน
                        อาคารหรือส่วนแห่งอาคารดังกล่าวภายในระยะเวลาอันสมควร โดยแจ้งระยะเวลาให้ผู้ปลูกสร้าง เจ้าของ หรือ
                        ผู้ครอบครองอาคารทราบ”
                        เรณู  เวชรัชต์พิมล และคณะ,  เครือข่ายวิชาการเพื่อการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ  มหาวิทยาลัย
                     ๑๙
                        ศิลปากร, อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ ๑๔, น. ก- ข.
   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118