Page 310 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 310
และความปลอดภัย ดังนั้นจึงควรมีมาตรการพิเศษคุ้มครองแรงงานให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและรวมถึงภาวะ
ความเครียดที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมใหม่ ควรมีการจัดการอบรมด้านอาชีวอนามัย และให้ความรู้เกี่ยวกับ
ระบบระวังภัยในที่ทำงานให้กับแรงงานข้ามชาติเป็นพิเศษ
๖) สิทธิด้านสหภาพแรงงาน อนุสัญญาฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘ ประกันสิทธินี้ให้กับผู้ทำงานทุก
คน แม้ว่าประเทศนั้นจะไม่ได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาทั้งสองก็ตาม แรงงานข้ามชาติพึงมีสิทธิเช่นเดียวกับ
แรงงานของประเทศ โดยเฉพาะสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วม เลือกผู้แทนของตน ใช้กลไกการไกล่เกลี่ยข้อ
พิพาทแรงงาน และได้รับการหารือจากฝ่ายบริหารในสถานประกอบการในเรื่องที่มีผลต่อสภาพการทำงาน
และเงื่อนไขการ จ้างงาน
๗) การเข้าถึงศาลยุติธรรม แรงงานข้ามชาติต้องสามารถเข้าถึงกลไกศาลยุติธรรมได้เช่นเดียว
กับแรงงานของประเทศเมื่อเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับสภาพการทำงาน สิทธิด้าน
สหภาพแรงงานและความมั่นคงทางสังคม
๘) การเข้าถึงการจ้างงานและการฝึกฝีมือ แรงงานข้ามชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสมพึงได้รับการ
จ้างงานงานใดๆ ก็ได้ และแรงงานเหล่านี้ควรเข้าถึงการฝึกฝีมือแรงงานเช่นเดียวกันกับแรงงานของประเทศ
๙) เสรีภาพในการเดินทาง แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในประเทศอย่างถูกกฎหมาย ควรมีเสรีภาพที่
จะเดินทางไปในที่ต่างๆ ภายในประเทศที่ตนทำงานอยู่ ยกเว้นแต่เฉพาะสถานที่ที่แรงงานของประเทศก็ถูก
จำกัดสิทธิเช่นกัน
๑๐) การส่งเงินกลับบ้าน แรงงานข้ามชาติพึงมีสิทธิที่จะส่งเงินกลับ (ภายในจำนวนที่กฎหมาย
อนุญาต) และเก็บเงินได้
๑๑) การเยี่ยมบ้านและครอบครัวมาเยี่ยม
๑๒) บริการให้คำปรึกษาต่างๆ
เพื่อช่วยแรงงานข้ามชาติปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดำรงชีวิต การได้รับสวัสดิการ
ต่างๆ จากหน่วยงานรัฐโดย จัดให้บริการโดยบุคคลที่สามารถสื่อสารในภาษาของแรงงานข้ามชาติได้ บริการ
เหล่านี้ต้องเป็นบริการที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ
๕. ข้อจำกัดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(๑) เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๐
(พ.ศ.๒๕๔๑) ไม่บังคับใช้กับกิจการประมงทะเล ที่มีลูกจ้างน้อยกว่า ๒๐ คน และเรือประมงที่ไปดำเนิน
กิจการนอกน่านน้ำไทยเป็นเวลาตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป
(๒) กรณีลูกเรือไม่มีหนังสือคนประจำเรือ (Seaman Book) ซึ่งตามพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ.
๒๔๘๑ กำหนดโทษไว้เพียงกักเรือไว้ และให้เจ้าของเรือมาดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง โดยอยู่ในความรับผิด
ชอบของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี ส่วนเรื่องเรือประมงทะเลประกอบกิจการนอกน่านน้ำ อยู่ใน
ความรับผิดชอบของกรมประมง
การฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารเพื่อประกอบกิจการประมงทะเล โทษตามกฎหมาย
มีเพียงโทษปรับ ๕๐๐ ถึง ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเจ้าของเรือบางลำยอมถูกปรับ
(๓) กรณีตามคำร้องนี้มีปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญา ที่เกิดขึ้นในเรือประมง
ทะเลนอกน่านน้ำของไทยหรือกรณีเกิดเหตุการตายในเรือประมงทะเลซึ่งประกอบกิจการนอกน่านน้ำไทย
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นจังหวัดที่เรือออกจากท่าไปประกอบกิจการนอกน่านน้ำ
จะมีอำนาจดำเนินการสอบสวนคดีอาญาหรือไม่ พล.ต.ต. สุชีพ หนูนาง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗
ชี้แจงว่า กรณีนี้อาจขออนุมัติต่อสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อสอบสวนคดี แต่ต้องมีการบันทึกข้อเท็จจริงจาก
ผู้เกี่ยวข้องเป็นหนังสือเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการสั่งการของสำนักงานอัยการสูงสุด
๓๑๐ สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงาน
Master 2 anu .indd 310 7/28/08 9:23:36 PM