Page 309 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 309
๒.๒ อนุสัญญาว่าด้วยเรื่อง “สิทธิอื่นๆ ของแรงงานข้ามชาติและครอบครัว” ข้อ ๓๖ ถึง ๕๖
ประกอบด้วย
(๑) สิทธิที่จะได้รับทราบเงื่อนไขโดยครบถ้วนบริบูรณ์ ของการจ้างงานและการไปอยู่อาศัยในรัฐ
ประเทศที่จะเข้าไปทำงาน โดยที่รัฐของตนหรือรัฐที่ตนจะไปทำงานเป็นผู้แจ้งให้ทราบ
(๒) รัฐที่จ้างงานประกันว่า การที่แรงงานข้ามชาติและครอบครัวไปอยู่เป็นการชั่วคราวจะไม่มีผล
ต่อการอยู่ในรัฐนั้นๆ และการจ้างงาน
(๓) สิทธิของแรงงานข้ามชาติและครอบครัว ในเสรีภาพในการเคลื่อนไหวในรัฐที่มีการจ้างงาน
(๔) ทั้งรัฐที่คนงานมีสัญชาติและรัฐที่จ้างงาน ควรจัดตั้งสถาบันเพื่ออำนวยความสะดวกตาม
ความจำเป็น ความต้องการ และพันธกรณีที่มีต่อแรงงานข้ามชาติและครอบครัว
(๕) แรงงานข้ามชาติและครอบครัว ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับพลเมืองของรัฐที่
จ้างงานในเรื่องของการศึกษา ที่อยู่อาศัย บริการทางสุขภาพและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรม
(๖) รัฐภาคีมีหน้าที่คุ้มครองการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวของแรงงานข้ามชาติ และอำนวยความ
สะดวกให้คู่สมรสของแรงงานข้ามชาติได้มาอยู่ร่วมกัน
(๗) แรงงานข้ามชาติมีสิทธิที่จะโยกย้ายเงินค่าจ้างและเงินออมจากรัฐที่จ้างงาน
(๘) แรงงานข้ามชาติไม่ต้องรับภาระในการจ่ายภาษีและภาษีศุลกากร ที่สูงกว่าหรือหนักกว่าคนใน
ชาติที่จ้างงาน
(๙) ในกรณีที่แรงงานข้ามชาติต้องได้รับอนุญาตให้มีที่อยู่อาศัยในประเทศจ้างงานได้ ประเทศที่
จ้างงานจะต้องอนุญาตให้แรงงานข้ามชาติมีที่อยู่อาศัยได้ อย่างน้อยเท่ากับระยะเวลาของการจ้างงาน
(๑๐) สิทธิของแรงงานข้ามชาติและครอบครัว ในการจัดตั้งสมาคมหรือสหภาพแรงงานในรัฐที่จ้าง
งานเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและผลประโยชน์อื่นๆ
แรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เลือกสภาพการจ้างงานจะต้องไม่สูญเสียใบอนุญาตให้มีที่อยู่
ในประเทศที่จ้างงานในกรณีที่การจ้างงานสิ้นสุดก่อนระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในรัฐที่จ้างงาน
(๑๒) มีสิทธิในการเลือกงานโดยเสรีโดยปฏิบัติตามข้อบังคับของรัฐที่มีจ้างงาน
(๑๓) ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกับพลเมืองของรัฐที่จ้างงานในเรื่องการได้รับความคุ้มครองกรณี
ถูกเลิกจ้าง ผลประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างและมีส่วนร่วมในแผนการสร้างงานของรัฐเพื่อขจัดการว่างงาน
(๑๔) แรงงานข้ามชาติและครอบครัวจะไม่ถูกเนรเทศ นอกเสียจากด้วยเหตุผลที่กำหนดใน
กฎหมายแห่งชาติของรัฐที่จ้างงานและจะต้องได้รับการป้องกัน
๒.๓ อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๙๗ ว่าด้วยการอพยพเพื่อการมีงานทำ
พ.ศ. ๒๔๙๒ และฉบับที่ ๑๔๓ ว่าด้วย การอพยพในสภาพที่ถูกกดขี่และการส่งเสริมการมีโอกาสเท่า
เทียมกันและการปฏิบัติต่อคนงานอพยพ พ.ศ. ๒๕๑๘ (ประเทศไทยยังมิได้ให้สัตยาบัน) มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑) ค่าตอบแทน ควรทัดเทียมกับค่าตอบแทนที่แรงงานของประเทศได้รับ และสามารถมีผู้แทน
เข้าร่วมในการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำได้ ถ้าหากมีการจ่ายค่าตอบแทนเป็นทั้งค่าจ้างและสวัสดิการอื่นๆ เช่น
อาหาร ที่พัก เครื่องนุ่งห่ม โดยหักออกจากค่าจ้าง เจ้าหน้าที่ของรัฐพึงตรวจสอบว่าสัดส่วนระหว่างค่าจ้าง
และสวัสดิการนั้นเหมาะสม
๒) สภาพการทำงาน ควรเป็นไปตามมาตรฐานของประเทศที่คุมครองแรงงานของประเทศ
๓) ความมั่นคงในการทำงาน ควรเป็นไปตามมาตรฐานของประเทศที่คุ้มครองแรงงานของประเทศ
๔) ความก้าวหน้าในการทำงาน แรงงานข้ามชาติพึงมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง
เช่นเดียวกันกับที่แรงงานของประเทศได้รับ
๕) สุขอนามัยและความปลอดภัย แรงงานข้ามชาติมีความต้องการพิเศษเกี่ยวกับสุขอนามัย
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๓๐๙
Master 2 anu .indd 309 7/28/08 9:23:35 PM