Page 257 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 257
อย่างชัดเจนว่า ผู้ถูกร้องไม่เคยประชุมหรือปรึกษาหารือร่วมกับลูกจ้างที่จะเข้าอบรมเลย ลูกจ้างไม่มีส่วนร่วม
และไม่มีความสุขจากการอบรม สถานที่อบรมเป็นห้องประชุมของอำเภอปลวกแดง มีตู้น้ำร้อนและน้ำเย็น
จำนวน ๒ ตู้ บางวันมีน้ำแต่บางวันไม่มีน้ำ หากวันใดไม่มีแม่ค้ามาขายอาหาร ก็จะต้องเดินไปซื้ออาหารกิน
ไกลมาก ลูกจ้างลำบากและเดือดร้อนเป็นอันมาก จึงเป็นการจัดอบรมที่เป็นการเจตนาเพื่อประวิงเวลาหรือ
เป็นข้ออ้างที่จะไม่ให้ลูกจ้างที่ถูกปิดงานได้ทำงานตามปกติ เป็นการแบ่งแยกและกีดกันลูกจ้างที่ถูกปิดงาน
จากลูกจ้างที่ไม่ถูกปิดงาน ทำให้เกิดความแปลกแยกระหว่างลูกจ้างทั้งสองกลุ่มดังกล่าว และเป็นการกดดัน
ให้ลูกจ้างไม่อาจทนทำงานต่อไปได้
การอบรมดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมและละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของลูกจ้าง
และผู้ร้อง และเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๓๑
และมาตรา ๑๒๑ ผู้ถูกร้องจึงต้องยุติการอบรมในลักษณะดังกล่าวและจัดการให้ลูกจ้างทั้งหมดได้เข้าทำงาน
ตามสภาพการจ้างเดิมและตามข้อตกลงฉบับลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๐
ประเด็นที่สาม ผู้ถูกร้องเลิกจ้างลูกจ้าง จำนวน ๑๐ คนโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ และต้องรับลูกจ้าง
กลับเข้าทำงานในสภาพการจ้างเดิม และต้องจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ลูกจ้าง คนละ ๒,๐๐๐ บาทหรือไม่
คณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน เห็นว่า ลูกจ้างทั้ง ๑๐ คน ลงชื่อในหนังสือสมัครใจเข้าทำงานเพราะ
ผู้บังคับบัญชาบอกให้ลงชื่อแจ้งว่าไม่มีผลผูกพันใดๆ ลูกจ้างหลงเชื่อจึงลงชื่อในหนังสือดังกล่าว เห็นได้ว่า
ลูกจ้างสำคัญผิดในข้อเท็จจริง และไม่เข้าใจข้อกฎหมาย ต่อมาเมื่อเข้าใจถูกต้องตามที่ผู้ร้องอธิบายให้ฟังแล้ว
จึงได้แจ้งด้วยวาจายกเลิกการสมัครใจเข้าทำงานต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นตัวแทนผู้ถูกร้องแล้ว หลังจากแจ้ง
ยกเลิกดังกล่าวแล้ว ลูกจ้างทั้ง ๑๐ คน ก็ได้ทำหนังสือยกเลิกการสมัครใจเข้าทำงานมอบให้ผู้ร้องไว้ ลูกจ้าง
ทั้ง ๑๐ คนไม่เข้าทำงานเพราะยืนยันที่จะผูกพันตามข้อเรียกร้องของผู้ร้องและจะปฏิบัติตนในฐานะสมาชิก
ของผู้ร้องที่ถูกผู้ถูกร้องสั่งปิดงาน อันเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการ
เจรจาต่อรองเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘
นอกจากนี้ ผู้ร้องได้สอบถามเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานของ
ผู้ร้องกับผู้ถูกร้อง ครั้งที่ผู้ร้องและลูกจ้างที่ถูกปิดงานไปชุมนุมกันที่กระทรวงแรงงานเพื่อร้องขอความเป็นธรรม
ในประเด็นที่ลูกจ้างลงชื่อในหนังสือสมัครใจเข้าทำงานว่า จะต้องทำหนังสือแจ้งยกเลิกต่อผู้ถูกร้องหรือไม่
นายอิทธิพล แผ่นเงิน พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน แจ้งว่าไม่จำเป็น เพราะสหภาพแรงงานเป็นผู้ยื่นข้อ
เรียกร้อง สมาชิกสหภาพแรงงานไม่มีสิทธิถอนข้อเรียกร้อง การสมัครใจกลับเข้าทำงานโดยมีเงื่อนไขสละข้อ
เรียกร้องย่อมไม่มีผลตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องได้มอบสำเนาหนังสือแจ้งยกเลิกการสมัครใจเข้าทำงานของลูกจ้างทั้ง ๑๐ คน ให้แก่
นายอิทธิพล แผ่นเงิน พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน เมื่อครั้งที่ผู้ร้องไปชุมนุมที่หน้ากระทรวง แรงงาน ใน
วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๐
คณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานเห็นว่า มูลเหตุเลิกจ้างที่แท้จริงเกิดจากผู้ถูกร้องไม่ยอมรับการที่ลูกจ้าง
ไปเป็นสมาชิกของผู้ร้อง มีพฤติการณ์ส่อไปในทางขัดขวางและกดดันรวมทั้งจะให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้าง
หากลาออกจากสมาชิกหรือเลิกเกี่ยวข้องกับผู้ร้องดังที่วินิจฉัยแล้วในประเด็นแรก และผู้ถูกร้องเป็นฝ่ายใช้
สิทธิปิดงานก่อน ซึ่งการปิดงานดังกล่าวมีผลเฉพาะลูกจ้างที่เป็นสมาชิกของผู้ร้องเท่านั้น
การกระทำและพฤติการณ์ของลูกจ้างทั้ง ๑๐ คน ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเจตนาผละงานหรือจงใจ
ทำให้ผู้ถูกร้องได้รับความเสียหาย หรือเป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานโดยปราศจากเหตุผลอัน
สมควร หรือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีร้ายแรง ผู้ถูกร้องจึงไม่มีสิทธิเลิกจ้าง
ลูกจ้างในระหว่างการเจรจาต่อรองหรือระหว่างการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ของคณะกรรมการ
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๒๕๗
Master 2 anu .indd 257 7/28/08 9:23:07 PM

