Page 105 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 105

การละเมิดสิทธิแรงงาน
                                                                             คนทำงานภาคเอกชน






              ในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองร่วม และมีความกังวลใจว่าจะทำให้การบริหารธุรกิจประสบความ
              ยุ่งยากจนนำไปสู่สถานการณ์ของการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อกัน ซึ่งเกิดความเสียหายทั้งสองฝ่าย
                    สถานการณ์เช่นว่านี้ นำไปสู่ความร้าวฉานในความสัมพันธ์ ความไม่ร่วมมือกันอย่างจริงใจ
              ในการผลิต  เกิดความสูญเสียมากมายในการใช้กระบวนการยุติธรรม  แม้ลูกจ้างเป็นฝ่ายชนะคดี
              แต่นายจ้างก็มักจะอ้างว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เหล่านี้คือความสูญเสียของสังคมส่วนรวม
              	     ทั้งๆ ที่ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ก็คือสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
              ในการรวมตัวและการเจรจาต่อรอง
                    (๓) นายจ้างส่วนใหญ่ยังมีทัศนคติว่าตนเป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้ลงทุนและแบกรับความเสี่ยง
              ไว้ทั้งหมด  ตลอดจนเป็นผู้มีอำนาจสิทธิขาดในการบริหารจัดการและควบคุมบังคับบัญชาในการ

              จ้างงาน ลูกจ้างหรือคนทำงานเป็นเพียงผู้รับจ้างทำงานให้และรับค่าจ้าง ไม่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษย
              ชน จึงมีการใช้อำนาจบริหารจัดการที่สุดโต่ง เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจโดยไม่คำนึงว่าลูกจ้างหรือ
              คนทำงานและครอบครัวจะประสบชะตากรรมอย่างไร  การแก้ไขปัญหาของนายจ้างหลายกรณีได้
              ละเลยต่อหลักการสิทธิมนุษยชน
                    นายจ้างพึงระลึกไว้เสมอว่า แม้ว่าอำนาจบริหารจัดการธุรกิจจะเป็นของตนก็ตาม แต่จะต้องมี
              เหตุผลเพียงพอ  ไม่เป็นการเอาเปรียบลูกจ้าง  อยู่ในวิสัยที่ลูกจ้างสามารถปฏิบัติได้  และไม่ทำให้
              ลูกจ้างได้รับความเดือดร้อนเกินควร อีกทั้งควรรับฟังปัญหาและให้โอกาสลูกจ้างมีส่วนร่วมในหลักการ

              สำคัญด้วย ดังที่สังคมแรงงานมักเรียกกันว่า “หุ้นส่วนแรงงาน” เพราะในความเป็นจริงทั้งนายจ้าง
              และลูกจ้างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ซึ่งบางสถานประกอบกิจการได้ดำเนินการจนประสบความ
              สำเร็จมาแล้ว

              	     ข. ปัจจัยด้านกฎหมายและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่

                    (๑) ในประเด็นการคุ้มครองแรงงานและการจ้างงานโดยไม่เป็นธรรม
                      (๑.๑)  กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานยังไม่สามารถสร้างเครื่องมือหรือกลไกทั้งทาง
              กฎหมายและกลไกเชิงบริหารที่มีประสิทธิภาพและวัดผลได้อย่างแท้จริง ในการตรวจสอบว่านายจ้าง

              ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่ หรือปฏิบัติ
              ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่แล้วหรือไม่ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากปัญหากำลังเจ้าหน้าที่ ระบบในการตรวจสอบ
              และความซับซ้อนในการจ้างงาน ในทางปฏิบัติมักมีปัญหาโต้แย้งกันเสมอว่านายจ้างทำผิดกฎหมาย
              ในเรื่องใดบ้าง เช่น ลูกจ้างอ้างว่านายจ้างทำผิดกฎหมาย จำนวน ๑๐ ข้อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบ
              ว่าผิดจริงเพียง ๒ ข้อ
                    จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่มักตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารเป็นหลัก หรือมีการสอบ
              ปากคำลูกจ้าง แต่ก็มักมีการโต้แย้งว่าลูกจ้างที่ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง หรือเกิดจาก

              การตระเตรียมของฝ่ายนายจ้าง สหภาพแรงงานหรือลูกจ้างที่รู้ปัญหาจริงมักไม่ถูกสอบปากคำ
              	     ประเด็นคือ  เจ้าหน้าที่ใช้ระเบียบหรือหลักเกณฑ์อะไรในการตรวจสอบข้อมูล  มีกลไกที่จะ
              ตรวจสอบยืนยันได้ว่านายจ้างได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนแล้วคืออะไร เนื่องจากเป็นที่ยอมรับกันมา


                                                                    และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๑๐๕





     Master 2 anu .indd   105                                                                     7/28/08   9:00:04 PM
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110