Page 41 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 41
รายงานการศึกษาวิจัย
โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
3) การจัดท างานวิจัยเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ด้านสิทธิมนุษยชน งานวิจัยแรกที่ได้
จัดท าคืองานวิจัยประเด็นเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility – CSR) โดย
ได้ท าการเผยแพร่ที่ประเทศสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2557 ในด้านประเทศไทยร่วมกับประเทศมาเลเซียได้เสนอ
การจัดท างานวิจัยในประเด็นเรื่องสิทธิในชีวิต (Right to Life) และประเทศลาวมีการจัดท างานวิจัยในเรื่อง
สิทธิในสันติภาพ (Right to Peace)
4) การจัดท าตราสารทางกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนของอาเซียน ที่ผ่านมาอาเซียน
ยังไม่มีเครื่องมือทางกฎหมายในลักษณะดังกล่าว หนึ่งในหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ตามที่ระบุไว้ใน
เอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่คือการสร้างกรอบความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนผ่านอนุสัญญาอาเซียนและ
เครื่องมืออื่นๆในการจัดการด้านสิทธิมนุษยชน จากข้อก าหนดดังกล่าวคณะกรรมาธิการจึงมีแผนในการ
จัดท าอนุสัญญาอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อประเทศสมาชิก
และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาค โดยในการพิจารณาเบื้องต้นจะมีการจัดท า
อนุสัญญาในเรื่องที่ประเทศสมาชิกทั้งหมดมีจุดร่วมเดียวกันคือเรื่องเกี่ยวกับสตรีและเด็ก
2. การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเป็นอีกภารกิจหลักของคณะกรรมาธิการ อย่างไรก็ตาม
ในเอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการก าหนดเนื้อหาภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนไว้อย่างจ ากัด โดยมีข้อก าหนดที่ชัดเจนในข้อ 4.10 เกี่ยวกับการขอรับข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริม
และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตามด าเนินการตามข้อก าหนดดังกล่าวยัง
เป็นไปอย่างจ ากัด เนื่องจากความเข้าใจที่แตกต่างกันของผู้แทนประเทศสมาชิกซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดใน
บทที่ 5
4.2.2 คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก
(ASEAN Commission on the Promotion of the Rights of Women and Children)
คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็ก หรือ ACWC
ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 หรือหนึ่งปีหลังจากการจัดตั้ง AICHR ด้วยข้อพิจารณาหลักที่ว่า สมาชิก
ของอาเซียนทั้งสิบประเทศได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบต่อสตรี
(CEDAW) และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) จึงสร้างกลไกเพื่อสร้างความร่วมมือและการวางนโยบาย
ร่วมกันในด้านสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก
เอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่ หรือ TOR ของ ACWC ได้รับการรับรองในปี พ.ศ. 2553
และก าหนดให้ ACWC ประกอบด้วยสมาชิก 20 คนซึ่งแต่งตั้งจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศละ 2 คน
โดยคนหนึ่งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิสตรี และอีกคนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก ผู้แทนแต่ละคนมี
วาระการด ารงต าแหน่ง 3 ปีโดยสามารถได้รับการต่อวาระได้หนึ่งครั้ง ถึงแม้จะมีภารกิจในด้านสิทธิ
มนุษยชนเช่นเดียวกับ AICHR แต่ ACWC ถูกก าหนดให้รายงานต่อที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการ
และการพัฒนาสังคม (ASEAN Ministers Meeting on Social Welfare and Development) ต่างจาก
AICHR ที่รายงานต่อ AMM และข้อแตกต่างที่ส าคัญอีกประการคือ ACWC มีขอบเขตอ านาจหน้าที่ในการ
National Human Rights Commission of Thailand 34