Page 46 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 46
รายงานการศึกษาวิจัย
โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
คือ ในประการแรก ตราสารต่างๆ ที่รวบรวมไว้เกิดขึ้นก่อนที่หลักการสิทธิมนุษยชนจะเป็นหลักการของ
อาเซียนดังที่ได้รับรองไว้ในกฎบัตรอาเซียนอย่างเป็นทางการ ประการที่สอง ตราสารต่างๆ ที่ปรากฏรายชื่อ
ในส่วนนี้ ได้รับการพัฒนาตามเหตุผลและความจ าเป็นเฉพาะด้านตามแต่ละกรณี เช่น เพื่อแก้ไขปัญหาและ
ป้องกันการก่อการร้าย หรือปัญหาการค้ามนุษย์โดยเป็นการพิจารณาแยกส่วนมิใช่ในองค์รวม เนื่องจากยัง
ขาดหลักการหรือตราสารในด้านสิทธิมนุษยชนในภาพรวมที่จะเป็นจุดเกาะเกี่ยวเพื่อให้สามารถพิจารณา
ความเชื่อมโยงของแต่ละประเด็นหรือเอื้อให้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบได้ และในประการที่สามซึ่งเป็น
ประเด็นที่ส าคัญที่สุดคือการที่ตราสารต่างๆ เหล่านี้เป็นตราสารทางการเมืองที่มิได้พัฒนาบนหลักการสิทธิ
มนุษยชน (Human rights-based approach) แต่ตั้งอยู่บนหลักความมั่นคง (Security) ของภูมิภาค
เช่น ปัญหาการก่อการร้าย หรือหลักการทางสังคมและเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและแรงงานข้ามชาติ
ซึ่งทิศทางนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหลังจากที่กฎบัตรอาเซียนมีผลใช้บังคับแล้ว และโดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง เมื่อมีการตราปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียนในปี พ.ศ. 2552 แล้ว ซึ่งจะกล่าวถึงในส่วนต่อไป
2. ในบรรดาประเด็นตามตราสารสิทธิมนุษยชนหลักระหว่างประเทศ 9 ฉบับ มีหลาย
ประเด็นที่อาเซียนยังมิได้พัฒนาตราสารร่วมกันในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะประเด็นการขจัดการเลือกปฏิบัติ
ทางเชื้อชาติ (Racial discrimination) สิทธิพลเมืองและทางการเมือง (Civil & political rights)
การต่อต้านการทรมาน (Prevention of torture) และการป้องกันบุคคลจากการสูญหายโดยบังคับ
(Enforced disappearance) ซึ่งน่าจะมีสาเหตุหลักนอกเหนือจากประเด็นที่ว่ากลไกอาเซียนด้านสิทธิ
มนุษยชนเพิ่งมีการพัฒนาในปี พ.ศ. 2552 อาจมาจากกรณีที่ว่าประเทศสมาชิกยังไม่สามารถสร้างฉันทามติ
ร่วมกันในประเด็นต่างๆ ดังกล่าว (ซึ่งบางประเทศอาจพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหว (Sensitive) และ
แม้แต่ในระดับประเทศก็ยังมิได้มีเจตจ านงที่ชัดเจนในการเข้าร่วมเป็นภาคีตราสารระหว่างประเทศ
ในประเด็นดังกล่าว—ประเด็นนี้จะกล่าวถึงต่อไปในหัวข้อ 5.3)
3. ประเด็นที่มีการพัฒนาตราสารสิทธิมนุษยชน (ทางการเมือง) มากที่สุดคือประเด็นด้าน
เด็กและสตรี ซึ่งน่าจะเกิดจากสองประเด็นคือ ประเด็นด้านเด็กและสตรีถือเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว
น้อยกว่าประเด็นอื่น และประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศต่างได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาด้านสิทธิเด็ก
(CRC) และสิทธิสตรี (CEDAW)
4. ตราสารที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนที่ได้รวมรวมไว้นี้ หลายฉบับได้มีการแก้ไข
เปลี่ยนแปลงในด้านสถานะหรือเนื้อหา โดยบางฉบับได้กลายเป็นตราสารที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย เช่น
ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในสตรีและเด็ก (ASEAN Declaration against
Trafficking in Persons Particularly Women and Children) ซึ่งได้มีการพัฒนามาเป็นอนุสัญญาว่าด้วย
การต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ACTIP) ซึ่งมีสถานะเป็นสนธิสัญญาที่ผลผูกพันทาง
กฎหมาย หรือได้มีการยกระดับจากการเป็นตราสารที่พัฒนาโดยองค์กรระดับรัฐมนตรีมาเป็นตราสาร
45
ระดับภูมิภาคที่รับรองโดยที่ประชุมผู้น าอาเซียน เช่น กรณีปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีและ
เด็กในอาเซียน ซึ่งรับรองโดยที่ประชุมผู้น าอาเซียนที่กรุงบันดาร์เสรีเบการ์วัน ในปี พ.ศ. 2556 มีที่มาจาก
ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Declaration on the
Elimination of Violence against Women in the ASEAN Region) ซึ่งรับรองโดยที่ประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน (AMM) ในปี พ.ศ. 2547 เป็นต้น
45 แต่ยังไม่มีผลใช้บังคับเนื่องจากยังต้องรอการให้สัตยาบันโดยสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศตามม. 29(a) แห่งอนุสัญญา
ดังกล่าว
National Human Rights Commission of Thailand 39