Page 91 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 91
82
สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทาง
การเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นการบัญญัติเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าการกระทําของรัฐ
เพื่อขจัดอุปสรรคที่ทําให้เกิดความเสมอภาค ย่อมไม่เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และไม่ขัดกับวรรคสาม
และวรรคหนึ่ง โดยการปฏิบัติที่แตกต่างกับผู้ที่มีลักษณะแตกต่างจากบุคคลอื่นทั่วไปเพื่อส่งเสริมให้เกิดความ
เสมอภาค ไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เช่น การกําหนดโควตาในการรับเด็กพิการเข้าเรียนไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 5 ของจํานวนนักศึกษาทั้งหมด แต่เดิมในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้บัญญัติถึงแนวคิดการเลือกปฏิบัติโดย
แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่หนึ่ง การเลือกปฏิบัติเชิงบวก (Positive discrimination) และลักษณะที่สอง
การเลือกปฏิบัติเชิงลบ (Negative discrimination) การเลือกปฏิบัติเชิงบวก คือ การเลือกปฏิบัติที่กระทําโดย
รัฐหรือเอกชน ในขณะที่การเลือกปฏิบัติเชิงลบ หมายถึง การที่รัฐละเว้นการปูองกันมิให้เกิดความเสมอภาค
เท่าเทียม ดังนั้น รัฐจึงมีหน้าที่ในการที่จะห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติ และต้องขจัดอุปสรรคทางเศรษฐกิจ สังคม
เพื่อนําไปสู่ความเสมอภาคได้อย่างแท้จริง ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้ระบุถึงเหตุแห่งความแตกต่าง เพียงแต่
เน้นย้ําว่าการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมจะทํามิได้ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากหลักการเลือกปฏิบัติเป็นหลักการ
ที่ใหม่ และเป็นที่ถกเถียงในประเด็นความหมายของคําว่า “การเลือกปฏิบัติ” ท้ายที่สุดจึงถูกบัญญัติให้เหลือแต่
เพียงการห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (Unjust discrimination) ส่งผลให้การกระทําของรัฐที่เป็น
การเลือกปฏิบัติ แต่หากเป็นการเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม (Just discrimination) ย่อมกระทําได้ โดยจะต้องเป็น
การเลือกปฏิบัติที่สมเหตุสมผล และเหมาะสมที่จะกระทําเช่นนั้นต่อบุคคลนั้น
ดังนั้น การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (Unfair discrimination) ของประเทศไทยจึงหมายถึง
การเลือกปฏิบัติที่ปราศจากเหตุผลหรือไร้เหตุผล ถ้าเป็นเหตุผลที่คนทั่วไปยอมรับแล้วก็จะไม่เป็นการเลือก
ปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มีหลายมาตราที่ให้ความสําคัญกับ
ความเท่าเทียมกัน และการห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม มีรายละเอียดดังนี้
“มาตรา 5 ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากําเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครอง
แห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน”
“มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน
ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ
ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทาง เศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อ
ทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทํามิได้
มาตรการที่รัฐกําหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพ
ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม”
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้นําแนวคิดความเสมอภาคระหว่างชายหญิงและแนวคิดการเลือกปฏิบัติ
มาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และได้มีการเพิ่ม “ความพิการ” เป็นเหตุหนึ่งที่
ห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม