Page 89 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 89
80
ที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบ ทําลาย หรือบั่นทอนความเท่าเทียมในด้านสิทธิ หรือขัดขวางการเข้าถึงสิทธิด้าน
สุขภาพ (ย่อหน้า 18) และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่สําคัญ เช่น ความสําคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ
ออกแบบ ดําเนินการและควบคุมบริการด้านสุขภาพ และความสําคัญของการแก้ปัจจัยปัญหาที่อยู่เบื้องหลัง
การดูแลสุขภาพ ความเห็นทั่วไปฉบับนี้ห้ามชัดเจนมิให้มีการเลือกปฏิบัติด้านสุขภาพ (ศึกษา: กรอบด้านสิทธิ
พิสูจน์ และเปลี่ยนแปลง, 2558 :6, 18, 23) ดังนั้นแม้ว่าจะยังไม่มีตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ฉบับใดห้ามมิให้เลือกปฏิบัติต่อกลุ่มบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีในฐานะเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติโดยตรง
แต่จากบทบัญญัติในตราสารระหว่างประเทศดังกล่าวที่ห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่อง
“สถานภาพอื่นๆ” ด้วยนั้น อาจกล่าวได้ว่า การปฏิบัติที่แตกต่างต่อบุคคลเพียงเพราะเหตุที่บุคคลนั้นมีอาการ
ตาบอดสีแต่เพียงอย่างเดียวในทุกกรณี โดยไม่พิจารณาถึงความจําเป็น ความได้สัดส่วนของประโยชน์สาธารณะ
ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
4.2.2 แนวความคิดเกี่ยวกับการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
การเลือกปฏิบัติ ตรงกับคําในภาษาอังกฤษว่า “Discrimination” ซึ่งมีการให้นิยามศัพท์ไว้
ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับต่างๆ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ
ค.ศ.1965 Conven tion on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination (CERD) ให้ความหมาย
ของการเลือกปฏิบัติว่า “การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ หมายถึง การจําแนก การกีดกัน การจํากัดหรือการเลือก
โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของเชื้อชาติ สีผิว เชื้อสายหรือชาติกําเนิดหรือเผ่าพันธุ์กําเนิด ซึ่งมีเจตนาหรือมีผลให้เกิด
การระงับหรือกีดกัน การเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม และในด้านอื่นๆ ของการดํารงชีวิตในสังคม รวมทั้งการระงับหรือกีดกันการใช้สิทธิเหล่านั้นอย่าง
เสมอภาคของบุคคล” อนุสัญญาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination
of All Forms of Discrimination Against Women (CEDAW) ข้อบทที่ 1 ให้ความหมายว่าหมายถึง การแบ่งแยก
การกีดกัน หรือการจํากัดใดๆ เพราะเหตุแห่งเพศซึ่งมีผลหรือความมุ่งประสงค์ที่จะทําลายหรือทําให้เสื่อมเสียการ
ยอมรับ การได้อุปโภคหรือการใช้สิทธิโดยสตรีโดยไม่เลือกสถานภาพด้านการสมรส บนพื้นฐานของความเสมอภาค
ของบุรุษและสตรีของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม พลเมืองหรือด้านอื่นๆ
และอนุสัญญาฉบับที่ 111 ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและอาชีพ พ.ศ.2501 มาตรา 1 (ก) ให้ความหมาย
ของ “การเลือกปฏิบัติ” ว่า หมายความรวมถึง การแบ่งแยก การกีดกัน หรือการลําเอียงใดๆ ที่กระทําบนพื้นฐาน
ของเชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง การแบ่งแยกในสัญชาติ หรือพื้นฐานทางสังคม ซึ่งมี
ผลลบหรือทําความเสียหายต่อความเสมอภาคในโอกาสหรือในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจ้างงานและอาชีพ
จากการศึกษาวิเคราะห์เอกสารที่เกี่ยวข้อง พบว่า แนวความคิดเกี่ยวกับการถูกเลือกปฏิบัติ
ในประเทศไทยเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่ และเป็นประเด็นที่ยกมากล่าวถึงอย่างไม่ลึกซึ้งมากนัก แม้ว่าประเทศ
ไทยจะเป็นภาคีตราสารระหว่างประเทศหลักดังกล่าวแล้วถึง 7 ฉบับ
นับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ซึ่งเป็นวันที่คณะราษฎรได้ยึดอํานาจการปกครอง
ประเทศไทยจึงได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบพระมหากษัตริย์