Page 86 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 86
77
เช่นเดียวกัน คนทุกคนย่อมถือว่าเป็นคน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในโลก ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ สัญชาติ เหล่ากําเนิดใดก็ตาม
ย่อมมีสิทธิมนุษยชนประจําตัวทุกคนไป จึงเรียกได้ว่าสิทธิมนุษยชนเป็นของคนทุกคนไม่ว่าคนๆ นั้นจะยากจน
ร่ํารวย เป็นคนพิการ เป็นเด็ก เป็นผู้หญิง ที่กล่าวว่าสิทธิมนุษยชนไม่สามารถถ่ายโอนให้แก่กันได้หมายความว่า
เมื่อสิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิประจําตัวของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนย่อมไม่สามารถมอบอํานาจ หรือสิทธิมนุษยชน
ของตนให้แก่ผู้ใดได้ ไม่มีการครอบครองสิทธิแทนกัน แตกต่างจากการครอบครองทรัพย์สิน เพราะสิทธิมนุษยชน
เป็นเรื่องที่ธรรมชาติกําหนดขึ้น เป็นหลักการที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ได้มีการจัดหมวดหมู่และกลุ่มของสิทธิมนุษยชน
เป็นสิทธิของกลุ่มเฉพาะและสิทธิตามประเด็นปัญหา เช่น สิทธิสตรี สิทธิเด็ก สิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิ
ของผู้ลี้ภัย เป็นต้น
3) สิทธิมนุษยชนไม่สามารถแยกเป็นส่วนๆ ว่าสิทธิใดมีความสําคัญกว่าอีกสิทธิ
หนึ่ง (Indivisibility) หมายถึง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองไม่สามารถแบ่งแยกว่ามีความสําคัญกว่าสิทธิ
ทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม สิทธิทั้งสองประการนี้ต่างมีความสําคัญเท่าเทียมกัน ดังนั้นรัฐบาลใดจะมา
อ้างว่าต้องพัฒนาประเทศให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจ หรือต้องแก้ปัญหาปากท้องก่อน แล้วจึง
ค่อยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง ย่อมขัดต่อหลักการนี้
4) คนทุกคนมีความเสมอภาคและห้ามการเลือกปฏิบัติ (Equality and non-
discrimination) การเลือกปฏิบัติเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานในทุกสังคม และถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เพราะเหตุว่าในฐานะที่เกิดมาเป็นคน ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนจน คนรวย คน
พิการ เด็ก หรือผู้สูงอายุ คนปุวยหรือมีสุขภาพดี ความเสมอภาคไม่ใช่การได้รับเท่ากัน แต่ความเสมอภาค คือ
การที่ทุกคนควรได้รับจากส่วนที่ควรได้ ในฐานะเป็นคน เช่น การแจกของผู้ประสบภัยน้ําท่วม ทุกคนจะได้รับ
ของแจกขั้นพื้นฐาน เช่น ได้รับข้าวสาร อาหารแห้ง ยาปูองกันเท้าเปื่อย แต่หากมีครอบครัวหนึ่งมีคนปุวยที่
ต้องการยาเป็นพิเศษ หรือบางครอบครัวมีเด็กอ่อน ต้องได้รับนมผงเพิ่มสําหรับเด็ก ทางราชการสามารถเพิ่ม
ยาและนมผงให้แก่ครอบครัวเหล่านั้น นี่คือความเสมอภาคที่ได้รับเพราะทุกคนในครอบครัวได้รับแจกสิ่งจําเป็น
เพื่อการยังชีพแล้วหลักความเสมอภาค คือ ต้องมีการเปรียบเทียบกับของ 2 สิ่ง หรือ 2 เรื่อง และดูว่าอะไรคือ
สาระสําคัญของเรื่องนั้น หากสาระสําคัญของประเด็นได้รับการพิจารณาแล้วถือว่ามีความเสมอภาคกัน เช่น
การที่รัฐจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลไม่เท่ากัน คนที่มีรายได้มากเสียภาษีมาก คนที่มีรายได้น้อยเสียภาษีน้อย คนที่
มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กําหนดก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่การมีรายได้มากหรือน้อยเป็นสาระสําคัญของการเก็บภาษี
ซึ่งเป็นธรรมสําหรับประชาชนการเลือกปฏิบัตินั้นเป็นเหตุให้เกิดความไม่เสมอภาค เช่น การรักษาพยาบาลหรือ
การเข้าถึงบริการสาธารณะของรัฐเป็นไปไม่ทั่วถึงและไม่เท่าเทียมกัน เพราะมีความแตกต่างของบุคคลเรื่องเชื้อชาติ
5) การมีส่วนร่วมและการเป็นส่วนหนึ่งของสิทธินั้น (Participation & inclusion)
หมายความว่า ประชาชนแต่ละคนและกลุ่มของประชาชนหรือประชาสังคมย่อมมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการ
เข้าถึงและได้รับประโยชน์จากสิทธิพลเมืองสิทธิทางการเมือง และสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
6) ตรวจสอบได้และใช้หลักนิติธรรม (Accountability & the rule of law)
หมายถึง รัฐและองค์กรที่มีหน้าที่ในการก่อให้เกิดสิทธิมนุษยชน ต้องมีหน้าที่ตอบคําถามให้ได้ว่าสิทธิมนุษยชน
ได้รับการปฏิบัติให้เกิดผลจริงในประเทศของตน ส่วนสิทธิใดยังไม่ได้ดําเนินการให้เป็นไปตามหลักการสากล