Page 93 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 93
84
เป็นธรรมคือการให้สิทธิพิเศษหรืออภิสิทธิ์แก่บุคคลใดเหนือกว่าบุคคลหนึ่งเพื่อให้บุคคลที่ด้อยกว่าเกิดความเท่า
เทียมกันกับบุคคลที่เหนือกว่า
การเลือกปฏิบัติที่รัฐธรรมนูญห้ามตามหลักความเสมอภาค คือ "การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
ธรรม" (Unfair discrimination) การปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่างกัน (Different treatment) สามารถกระทําได้
เพียงแต่มีข้อจํากัด 2 ประการเท่านั้น คือ 1) ห้ามมิให้แบ่งแยกบุคคลออกเป็นประเภทโดยคํานึงถึงศาสนา นิกาย
ลัทธินิยม 2) การปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกแบ่งแยกประเภทแตกต่างกันจะกระทําได้และบางกรณีจําเป็นต้องกระทําด้วย
แต่การเลือกปฏิบัติเช่นว่านี้จะต้องมีเหตุผลอันหนักแน่นควรค่าแก่การรับฟังได้ (Raison objectivement plausible)
เมื่อ "บุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน และบุคคลที่ต่างกันในสาระสําคัญจะต้องปฏิบัติ
แตกต่างกัน" ตามหลักการเลือกปฏิบัติโดยเป็นธรรม
หลักการว่าด้วยการเลือกปฏิบัติเป็นวิธีการหนึ่งที่จะนําไปสู่ความเสมอภาค ทุกการเลือก
ปฏิบัติมิได้หมายความว่าจะก่อให้เกิดความไม่เสมอภาค เนื่องจากการเลือกปฏิบัติต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุ
อันไม่เป็นธรรมด้วยจึงจะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม การเลือกปฏิบัติจึงเกิดผลได้ 2 ประการ คือ
1) เป็นการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุอันไม่เป็นธรรม ย่อมก่อให้เกิดความไม่เสมอภาค 2) การเลือกปฏิบัติที่ก่อให้
เกิดได้หากเป็นการเลือกปฏิบัติเพื่อลดความเหลื่อมล้ําที่มีอยู่ในสังคม จึงอาจเรียกการปฏิบัติทั้งสองกรณีว่าเป็น
การเลือกปฏิบัติเพื่อแก้ไขความไม่เสมอภาค หากจะตรวจสอบว่าการเลือกปฏิบัตินั้นเป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณา
ว่าการเลือกปฏิบัตินั้นก่อให้เกิดความเสมอภาคหรือไม่ หากไม่ก่อให้เกิดความเสมอภาค การเลือกปฏิบัติดังกล่าว
ก็ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หลักแห่งความเสมอภาคในสังคมเป็นหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติแก่บุคคล
ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่โดยการใช้หลักความเสมอภาคที่มีความหลากหลายในการปฏิบัติ เนื่องจากสาระ
สําคัญของข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการปฏิบัติแก่บุคคลตามหลักความเสมอภาคย่อมแตกต่างกันไป
ทั้งนี้ย่อมต้องเป็นความแตกต่างที่ยอมรับได้
หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตามหลักความเสมอภาคเพื่อให้เกิดความยุติธรรมได้ปรากฏเป็นที่
ยอมรับและนําไปปฏิบัติซึ่งมีผลเป็นการผูกพันองค์กรของรัฐที่จะต้องเคารพและปฏิบัติตาม โดยในการปฏิบัติ
ตามหลักการนี้มีหลักเกณฑ์กว้างๆ ดังนี้ (สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สํานักงานเลขาธิการสภานิติ
บัญญัติแห่งชาติ, 2550 : 16-19)
1) ต้องใช้กฎเกณฑ์อันเดียวกันกับทุกคน เว้นแต่ว่าสถานการณ์แตกต่างกันไป
หลักเกณฑ์ทั่วไปของการปฏิบัติคือต้องใช้กฎเกณฑ์เดียวกันในสถานการณ์เดียวกัน
เว้นแต่สถานการณ์นั้นแตกต่างออกไป จึงเป็นการต้องห้ามแก่ผู้บัญญัติกฎเกณฑ์ที่ต้องไม่ออกกฎเกณฑ์ที่มีผลให้
เกิดความไม่เสมอภาคแก่บุคคล เหตุการณ์ที่เหมือนกันหรือที่เหมือนกันในสาระสําคัญนั้นต้องได้รับการปฏิบัติ
โดยกฎเกณฑ์เช่นเดียวกัน แต่หากมิใช่เรื่องที่มีสภาพการณ์อย่างเดียวกันก็สามารถปฏิบัติให้แตกต่างกันได้
ดังนั้นกฎเกณฑ์ที่มาบังคับใช้แก่บุคคล ซึ่งออกโดยฝุายนิติบัญญัติหรือฝุายบริหารย่อมมีเนื้อหา รายละเอียด
และผลบังคับที่แตกต่างกันไปได้ เช่น ความเสมอภาคในการได้รับบริการสาธารณะจากรัฐ ประชาชนทุกคน
สามารถใช้บริการรถเมล์ของรัฐอย่างเสมอภาคทุกคน ซึ่งเป็นหลักความเสมอภาคอย่างกว้างๆ อีกตัวอย่างหนึ่ง
คือการที่รัฐกําหนดราคาตั๋วรถไฟเป็นชั้นหนึ่ง ชั้นสองและชั้นสามตามปัจจัยทางเศรษฐกิจของแต่ละคนแตกต่าง