Page 90 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 90
81
ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงเริ่มมีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์เป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญ
การปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ.2475 แต่ไม่ได้ปรากฏแนวคิดที่ส่งเสริมให้มีความเท่าเทียมหรือห้าม
มิให้มีการเลือกปฏิบัติ มีเพียงบทบัญญัติให้ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการออกเสียงเลือกตั้ง จนมาถึง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
2550 ที่ได้มีการบัญญัติรับรองความเสมอภาคระหว่างบุคคล และห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
ด้วยเหตุๆ ไว้อย่างชัดเจน ดังนี้ (นัยนา เกิดวิชัย, 2550)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเกี่ยวกับความเสมอภาคและห้าม
เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุต่างๆ ไว้ใน 3 มาตรา ดังนี้
“มาตรา 5 ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากําเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครอง
แห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน”
“มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน
ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกําเนิด
เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อ
ทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทํามิได้
มาตรการที่รัฐกําหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพ
ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม”
ทั้งสองมาตราดังกล่าว เป็นบทบัญญัติเฉพาะที่ให้ความสําคัญกับความเสมอภาคระหว่าง
บุคคลอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ในมาตรา 5 ให้ความรับรองว่า ไม่ว่าเหล่ากําเนิด เพศหรือศาสนาใด ย่อม
ได้รับความคุ้มครองภายใต้รัฐธรรมนูญนี้อย่างเท่าเทียมกัน ต่อมาในบทบัญญัติตามมาตรา 30 วรรคหนึ่งที่
กําหนดให้ทุกคนมีความเสมอภาคและได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย วรรคสองเป็นการ
รับรองความเสมอภาคระหว่างชายและหญิง วรรคสามกําหนด ห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ส่วน
วรรคท้ายรัฐสามารถเลือกปฏิบัติได้เพื่อขจัดความไม่เสมอภาคที่ดํารงอยู่ โดยการกระทําของรัฐตามวรรคท้าย
ไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
ส่วนที่สําคัญที่สุดที่ควรนํามาอธิบายเพื่อทําความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดการเลือกปฏิบัติ
ปรากฏอยู่ในมาตรา 30 วรรคสาม และวรรคท้าย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
วรรคสาม และวรรคท้ายที่บัญญัติว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่าง
ในเรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ
หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญ จะกระทํามิได้ มาตรการที่รัฐกําหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและ
เสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม”
แนวคิดการเลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการกําหนดห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ