Page 62 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 62

53



                                         ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคําวินิจฉัยว่าการพิจารณาจะรับบุคคลเข้าดํารงตําแหน่งใด
                  นอกจากจะพิจารณาความรู้  ความสามารถ  ยังต้องพิจารณาความเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ และมีบุคลิก
                  ลักษณะที่ดีพอที่จะเป็นข้าราชการอัยการ การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการนอกจากจะทํางานในสํานักงาน

                  บางครั้งอาจต้องเดินทาง เช่น เดินเผชิญสืบ สอบพยานที่ไม่สามารถมาศาลได้ ร่วมชันสูตรพลิกศพ และตาม
                  มาตรา  29  วรรคหนึ่ง  ของรัฐธรรมนูญ  บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่
                  รัฐธรรมนูญรับรองไว้จะกระทํามิได้  เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อการที่
                  รัฐธรรมนูญนี้กําหนดไว้และเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และจะกระทบกระเทือนสาระสําคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้น
                  มิได้ และวรรคสอง บัญญัติรับรองไว้ว่า กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปและไม่มุ่งหมาย

                  ให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง ทั้งต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
                  ที่ให้อํานาจในการตรากฎหมายนั้นด้วย  ซึ่งบทบัญญัติวรรคหนึ่งและวรรคสองให้นํามาใช้บังคับกับกฎหรือ
                  ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายด้วย โดยอนุโลม ดังนั้น การพิจารณาเพื่อรับสมัคร

                  สอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการอัยการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอัยการผู้ช่วย จึงมีมาตรการที่แตกต่าง
                  และเข้มงวดกว่าการคัดเลือกบุคคลไปดํารงตําแหน่งอื่นอยู่บ้างเมื่อพิจารณาถึงพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
                  ฝุายอัยการ พ.ศ. 2521 มาตรา 33 (11) คําว่า "มีกาย...ไม่เหมาะสมที่จะเป็นข้าราชการอัยการ" จะใช้ควบคู่กับ
                  มาตรา 33 (12) ที่บัญญัติว่า "เป็นผู้ที่คณะกรรมการแพทย์มีจํานวนไม่น้อยกว่าสามคน ซึ่ง ก.อ. จะได้กําหนด

                  ได้ตรวจร่างกายและจิตใจแล้ว และ ก.อ. ได้พิจารณารายงานของแพทย์เห็นว่าสมควรรับสมัครได้" บทบัญญัติ
                  ของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝุายอัยการ พ.ศ. 2521 มาตรา 33 (11) เป็นไปตามความจําเป็นและ
                  ความเหมาะสมของฝุายอัยการ และเป็นลักษณะตามข้อยกเว้นของรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ซึ่งไม่กระทบกระเทือน
                  ถึงสาระสําคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพ มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปและไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง

                  หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา
                  30 แต่อย่างใด
                                         คดีนี้มีข้อเท็จจริงคล้ายกับคําวินิจฉัยก่อน ในคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 16/2545
                  นายศิริมิตร  บุญมูล  และนางสาวบุญจุติ  กลับประสิทธิ์  ทั้งสองคนประกอบอาชีพทนายความ  ได้สมัครสอบ

                  เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการในตําแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา แต่ถูกตัดสิทธิในการสอบ เนื่องจากให้เหตุผลว่า มีสภาพ
                  ร่างกายไม่เหมาะสม นายศิริมิตร บุญมูล เป็นโปลิโอ ส่วนนางสาวบุญจุติ กลับประสิทธิ์ กระดูกสันหลังคดงอ
                  มาก เดินเองได้เฉพาะใกล้ๆ เนื่องจากเป็นโปลิโอตั้งแต่อายุ 3 ปี ผู้สมัครทั้งสองเห็นว่า การตัดสิทธิผู้สมัครเป็น

                  การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องสภาพร่างกาย  ในกรณีนี้ ผู้ตรวจการ
                  แผ่นดิน (ในขณะนั้นเรียกว่าผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา) ได้ยื่นหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราช
                  บัญญัติระเบียบข้าราชการฝุายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 26(10) มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วย
                  รัฐธรรมนูญมาตรา  30  หรือไม่80  พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝุายตุลาการศาลยุติธรรม  พ.ศ.2543
                  มาตรา 26(10) บัญญัติว่า “ผู้สมัครสอบคัดเลือก ผู้สมัครทดสอบความรู้ หรือผู้สมัครเข้ารับ การคัดเลือกพิเศษ

                  เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
                  ต้องห้ามดังต่อไปนี้...
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67