Page 65 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 65
56
การเรียนรู้ หรือความบกพร่องอื่นใด ประกอบกับมีอุปสรรคในด้านต่างๆ และมีความจําเป็นเป็นพิเศษที่จะต้อง
ได้รับความช่วยเหลือด้านหนึ่งด้านใด เพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจําวันหรือเข้าไปมีส่วนร่วม
ทางสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป ความหมายของ “คนพิการ”ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับ
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการของสหประชาชาติ
เดิมความพิการไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มสภาพทางกายหรือสุขภาพที่ได้รับความคุ้มครอง
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แต่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช
2550 มาตรา 30 วรรคสาม ได้เพิ่มหลักการในการคุ้มครองคนพิการเพื่อมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องของความพิการ เมื่อพิจารณาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝุายตุลาการ
ศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (10) ให้ผู้สมัครสอบคัดเลือก ผู้สมัครทดสอบความรู้หรือผู้สมัคร
เข้ารับการคัดเลือกพิเศษเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาต้องมี
คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม “...มีกายหรือจิตใจไม่เหมาะที่จะเป็นข้าราชการตุลาการ...” คําว่า “กายหรือ
จิตใจไม่เหมาะสม” สอดคล้องกับความหมายของคําว่า “คนพิการ” ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการของสหประชาชาติ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝุายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (10) ที่ระบุว่า
“...มีกายหรือจิตใจไม่เหมาะที่จะเป็นข้าราชการตุลาการ...” เป็นการกําหนดลักษณะทางกายและจิตใจที่ไม่
เหมาะสมที่จะเป็นข้าราชการตุลาการไว้อย่างกว้างขวางไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน อันอาจนําไปสู่การใช้ดุลพินิจที่
ส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้ การกําหนดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามที่มีลักษณะเป็นการ
เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการไว้ในขั้นตอนการรับสมัครบุคคลเพื่อสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการตุลาการ
โดยให้เป็นดุลพินิจของ ก.ต. ในการพิจารณาความเหมาะสมของบุคคลที่จะให้มีสิทธิสมัครสอบเป็นการตัดสิทธิ
คนพิการตั้งแต่ต้นโดยไม่เปิดโอกาสให้คนพิการสามารถสอบคัดเลือกได้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไปและไม่มี
โอกาสแสดงความรู้ความสามารถ อํานาจหน้าที่ของผู้พิพากษาศาลยุติธรรม คือ การพิจารณาพิพากษาคดีให้
เป็นไปโดยความยุติธรรมตามกฎหมาย ความพิการไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จะเป็นข้าราชการ
ตุลาการ ที่จะมีผลต่อการให้ความเป็นธรรมแก่คู่ความหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ศาลจึงเห็นว่า พระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการฝุายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (10) ในส่วนที่บัญญัติให้ผู้สมัคร
สอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามว่า “...มีกายหรือจิตใจ
ไม่เหมาะที่จะเป็นข้าราชการตุลาการ...” จึงเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุแห่งความแตกต่าง
ในเรื่องความพิการ
2.6.3.2 ศาลปกครอง
หลักความเสมอภาคและการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 30 ของ
รัฐธรรมนูญ ได้ถูกนํามาปรับใช้ในการวินิจฉัยคดีของศาลปกครอง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ 142/2547 มีประเด็นโต้แย้งบทบัญญัติ มาตรา
33(11) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝุายอัยการ พ.ศ.2521 ที่บัญญัติว่า “ผู้สมัครสอบคัดเลือกเพื่อ
บรรจุเป็นข้าราชการอัยการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง อัยการผู้ช่วย ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้…